“ภัทร”ตีค่า SAWAD 36 บาท

หุ้นลิสซิ่งคลายมนต์เสน่ห์ SAWAD ทรุด 3 วันเฉียด 30% ทุบกระปุก 3 กองทุนร่วม 421 ล้าน “ดวงใจ”ทุ่ม 215 ล้านบาท ซื้อเก็บ นักวิเคราะห์ดาหน้าลดน้ำหนัก ภัทรหั่นเป้าพรวดเดียวจาก 66 บาท เหลือ 36 บาท ฟินันเซียฯ 38 บาท เอเซียพลัสยืนเป้า 64 บาท เตือนยังไม่รีบซื้อ รอฝุ่นหายตลบ ผู้บริหารชี้แจงต้นเหตุกำไรต่ำจริง เอ็นพีแอลทยอยได้คืน

บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD)ทรุด 21.71%ในการซื้อขายหุ้นวันที่ 16 พ.ค. ส่งผลกระทบกับลูก บริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์ (BFIT) ร่วง 12.50% และบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล(MTC) ลดลง 1.32% หลังจากนักลงทุนผิดหวังกำไรไตรมาส 1/2561 ออกมาลดลงและหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)พุ่งกระฉูด สวนทางกับภาพรวมของธุรกิจลิสซิ่งในอดีตที่เติบโตก้าวกระโดด ซึ่งนักลงทุนยอมจ่ายเงินซื้อโดยให้ส่วนเกินราคาหุ้น(พรีเมียม)

ราคาหุ้นSAWAD ผิดปกติมาก่อนหน้านี้ จากข่าวลบเข้ามากระทบ กดดันหุ้นรูดลงแรง 3 วันติด (14-16พ.ค.2561) รวมหุ้นละ 14.50 บาท คิดเป็น 29.74% จากราคาปิดที่ 48.75 บาท เมื่อวันที่ 11 พ.ค.2561 ส่งผลให้ผู้ถือหุ้นขาดทุนกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะกองทุนที่มีนโยบายลงทุนระยะยาวที่ชื่นชอบหุ้น SAWAD ณ วันที่ 4 พ.ค. กองทุนเปิดเค ซีเล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล ถืออันดับ 12 จำนวน 12,408,844 หุ้นหรือ1.44% กองทุนเปิดเค หุ้นทุนบริพัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ ถืออันดับ 14 จำนวน 9,325,977 หน่วย หรือ 0.86% และกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล ถืออันดับ 16 จำนวน 7,344,444 หน่วย คิดเป็น 0.68% ผลจากราคาหุ้นทรุดลง 3 วัน ทำให้ขาดทุนทางบัญชีจำนวน 179.93 ล้านบาท 135.23 ล้านบาท และ 106.49 ล้านบาท รวมขาดทุนทั้งสิ้น 421.65 ล้านบาท

ทางด้านน.ส. ดวงใจ แก้วบุตตา กรรมการ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น รายงานการได้มาหุ้น SAWAD จำนวน 5,745,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 37.45 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 215.15 ล้านบาทเมื่อวันที่ 16 พ.ค.2561

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์แห่ปรับลดน้ำหนักการลงทุน ลดประมาณการกำไร และราคาเป้าหมาย เช่น บล.ภัทร ลดน้ำหนักการลงทุนเหลือต่ำกว่าตลาด และลดราคาเป้าหมายเพียง 36 บาทจากที่ให้ไว้ 66 บาท หลังลดประมาณการกำไรปีนี้ลง 22% และ 29% ในปีหน้า ส่วนบล. ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ “ขาย” เป้าหมายใหม่ 38 บาท หากสถานการณ์เอ็นพีแอลยังไม่ดีขึ้น บริษัทฯต้องการเงินสำรองอีกประมาณ 900 ล้านบาท ในเบื้องต้นปรับลดประมาณการปีนี้ลง 33% เป็น 2,000 ล้านบาท หรือลดลง 21.6% จากปีที่ผ่านมา

บล.เอเชีย เวลท์ ปรับคำแนะนำจาก”ซื้อ”เป็น”ถือ”ลดราคาเป้าหมายจาก 77 บาทเหลือ 48 บาท หลังปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลง 19% อยู่ที่ 2,800 ล้านบาท โดยยังคงชื่นชอบ MTC ให้ราคาเป้าหมาย 50 บาท

อย่างไรก็ตาม บล.เอเซียพลัส ยืนเป้าหมาย 64 บาท แต่ในช่วงสั้นให้เข้าซื้อหลังพ้นช่วงปรับฐานแล้ว ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณกำไรสุทธิปี 2561-2562 เติบโตลดลงเหลือ 7.9% และ 26.4%

“ลูกหนี้เอสเอ็มอี มีมูลค่าหลักประกันคุ้มค่า และได้ชำระหนี้แล้วกว่าครึ่ง แต่เกิดปัญหาทางเทคนิคทำให้ตกชั้นเป็นเอ็นพีแอล ในกรณีเลวร้ายสุดยึกหลักประกันไปขายทอดตลาดยังคุ้มค่าจึงไม่เป็นภาระต่อการตั้งสำรองเพิ่ม”บล.เอเซียพลัสระบุ

นางสาวธิดา แก้วบุตตา กรรมการ SAWAD ชี้แจงว่าสาเหตุที่ทำให้กำไรสุทธิลดลง 27.43% มาอยู่ที่ 639 ล้านบาท เป็นเพียงการปรับลดลงทางบัญชีเท่านั้น หากไม่รวมรายการพิเศษผลงานจริงยังมีการเติบโตทั้งกำไรและรายได้ โดยรายได้รวมเพิ่มขึ้น 160.33 ล้านบาทหรือ 10.12% และมั่นใจว่าผลงานปีนี้จะยังเติบโตต่อเนื่อง

สำหรับประเด็นความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้น เกิดจากลูกหนี้เอสเอ็มอีรายหนึ่งที่จ่ายล่าช้ากว่ากำหนด ซึ่งปัจจุบันก็ได้ทยอยจ่ายยอดค้างมาแล้ว และมูลค่าหลักประกันมีมากกว่ามูลหนี้