JCKH โฉมใหม่ “ฮอทพอท” จ่อเทิรน์อะราวด์

JCKH จ่อเทิรน์อะราวด์มีสัญญาณดี Q1/61 รีแบรนด์ใหม่จับกลุ่มเป้าหมายชัดเจน เล็งซื้อแบรนด์อาหารจีน-อิตาเลียน-แฮมเบอร์เกอร์ ส่วนแผนเพิ่มทุนเชื่อผ่านฉลุยเหตุกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่พร้อมซัพพอร์ตเต็มที่

นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการ บริษัท เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ (JCKH) ชื่อเดิมฮอท พอท (HOTPOT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2561 มีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างเด่นชัด โดยมีผลขาดทุนสุทธิเพียง 32.26 ล้านบาท ลดลง 32.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อนที่มียอดขาดทุนสุทธิมากถึง 47.8 ล้านบาท เนื่องจากปีที่ผ่านมาบริษัทได้ปิดสาขาที่ไม่สามารถทำกำไรไป 39 แห่ง ควบคู่กับการบริหารต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายในการบริหารได้ดีขึ้น

ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 406.5 ล้านบาท และกำไรขั้นต้น 202.9 ล้านบาท ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน แต่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากร้อยละ 48.2 ปรับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 51.1 ดังนั้นจากตัวเลขงบการเงินของไตรมาสแรกของปีนี้ทำให้เห็นว่าบริษัทมีแนวโน้มการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้น และหากบริษัทสามารถเพิ่มยอดขายจากการขยายแบรนด์ใหม่ หรือจากสาขาที่มีอยู่เดิม รวมถึงบริหารจัดการต้นทุนได้เป็นไปตามแผน ทำให้มั่นใจว่าในปี 2561 ผลประกอบการของบริษัทจะเทิรน์อะราวด์ได้อย่างแน่นอน

นายอภิชัย กล่าวว่า HOTPOT ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นให้เปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ และเปลี่ยนชื่อย่อ จาก HOTPOT เป็น JCKH

ในปีนี้ JCKH จะมีทีมบริหารงานใหม่ทั้งหมดนำโดย “นายโชติวิทย์ เตชะอุบล” ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การทำงานในวงการอาหารอยู่แล้ว จะปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ เริ่มตั้งแต่การรีแบรนด์เพื่อโฟกัสกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน นอกจากนี้จะเติมร้านอาหารใหม่เข้ามาอีก 2-3 แบรนด์ โดยในเบื้องต้นบริษัทฯ มีแผนจะเข้าซื้อกิจการร้านอาหารเพิ่มขึ้น ทั้งอาหารจีน อาหารอิตาเลียนและแฮมเบอร์เกอร์ เป็นต้น

“ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เปิดแบรนด์ใหม่ชื่อ “ซุปเปอร์ พอท”ที่ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ 1 สาขา เป็นอาหารประเภท ชาบู ชาบูพรีเมี่ยม ปรากฎว่าได้รับความนิยมมากจึงมีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 2-3 แห่งภายในปีนี้ และจากแผนทางธุรกิจที่จะเพิ่มร้านอาหารแบรนด์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นอาหารจีน อาหารอิตาเลียน หรือ แฮมเบอร์เกอร์ ในอนาคตหากจะเปิดสาขาเพิ่มจะเลือกจากโลเคชั่นที่มีกำลังซื้อเป็นสำคัญ”

นายอภิชัย กล่าวถึงแผนการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 121.8 ล้านบาทเป็น 194.9 ล้านบาท โดยออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 292.3 ล้านหุ้น จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม 243.6 ล้านหุ้น อัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ที่ราคาหุ้นละ 1.30 บาท ที่เหลืออีก 48.7 ล้านหุ้น จัดสรรแบบเฉพาะเจาะจง (PP) บริษัทฯ ได้กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย (XR) เพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิจองซื้อจองหุ้นเพิ่มทุนในวันที่ 17 พฤษภาคม 2561 และกำหนดวันจองซื้อเพื่อชำระค่าหุ้นในวันที่ 18-22 มิถุนายน 2561 ว่าในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่มีความพร้อมที่จะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยทุกคน เพราะหาก JCKH เพิ่มทุนสำเร็จจะส่งผลให้บริษัทฯ มีฐานทุนและฐานะการเงินแข็งแกร่ง สามารถที่จะรุกขยายธุรกิจได้อย่างมั่นคง เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตได้เป็นอย่างดี

“หากมีการใช้สิทธิครบทั้งจำนวนคาดว่าจะได้รับจากการเพิ่มทุน RO ครั้งนี้ประมาณ 317 ล้านบาท จะทำให้มีส่วนของทุนเพิ่มขึ้นเป็น 318 ล้านบาท จากเดิมที่มีอยู่เพียง 1 ล้านบาท DE Ratio ลดจาก 453 เท่า เหลือเพียง 1.6 เท่า และหากบริษัทฯ ได้รับเงินจากขายหุ้น PP อีก 63 ล้านบาท จะทำให้มีส่วนของทุนเพิ่มขึ้นเป็น 381 ล้านบาท และจะทำให้ DE Ratio ลงเหลือเพียง 1.3 เท่า ดังนั้นการเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ มีฐานทุนและฐานะทางการเงินที่เข้มแข็งขึ้น โดยเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนสำหรับขยายธุรกิจ และเทคโอเวอร์ร้านอาหารแบรนด์ใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา เพื่อสร้างรายได้และกำไรให้บริษัทฯ เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต” นายอภิชัย กล่าว