KTBST แย้มรายได้วิ่งเข้าเป้า 1.4 พันลบ. แหล่งปั๊มเงินหลากหลายหนุนกำไร

HoonSmart.com>>บล.เคทีบีฯ ลั่นกลยุทธ์กระจายรายได้ มุ่งให้บริการลงทุนครบวงจร สร้างกำไรได้ทุกสภาวะการณ์ ไตรมาส 2 เติบโต สวนทางธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ชะลอตามตลาด  ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 1,300-1,400 ล้านบาท เพิ่มสินทรัพย์บริหารความมั่นคั่งให้ลูกค้าโตก้าวกระโดด

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST  เชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2562 จะสามารถรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง  จากไตรมาส 1 มีรายได้รวม 322 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 23 ล้านบาท โดยตั้งเป้ารายได้ทั้งปีนี้ที่ 1,300-1,400 ล้านบาท เติบโต 26% จากปีที่ผ่านมาตามแผนธุรกิจที่เน้นการกระจายรายได้และการแนะนำบริหารความเสี่ยงให้กับนักลงทุน

ประธานกรรมการบริหารกล่าวว่า บริษัทเน้นการกระจายธุรกิจ เพื่อยกระดับการให้บริการด้านการลงทุนครบวงจรมากขึ้น รับมือภาวะการแข่งขันในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์คาดว่ารายได้จากธุรกิจนี้จะชะลอตัวตามปริมาณการซื้อขายรวมที่ลดลงในไตรมาส 2  แต่บริษัทยังมีรายได้ค่าธรรมเนียมจากบริการอื่นๆ เช่น วาณิชธนกิจ ตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุน และบริการทางการเงิน รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วี ได้เปิดให้บริการเต็มรูปแบบในไตรมาส 2  ซึ่งมีนโยบายมุ่งสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายตามภาวะการลงทุนแต่ละช่วง ปัจจุบันได้เสนอขายกองทุนประเภททริกเกอร์ฟันด์ต่างประเทศ อาทิลงทุนในสหรัฐ, จีน, อินเดียและหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี
ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับที่ดี

“KTBST เน้นขยายธุรกิจให้มีความหลากหลาย เช่น ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคล คาดมีสินทรัพย์ภายใต้คำแนะนำ (AUA) เติบโต 33.33% เป็น 80,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 60,000 ล้านบาท ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล คาดสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUA) เพิ่มขึ้น 50% จาก 2,000 ล้านบาท เป็น 3,000 ล้านบาท ตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุนคาด AUA พุ่งขึ้นเท่าตัว จาก10,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 20,000 ล้านบาท ส่วน บลจ.วี ตั้งเป้า AUM เติบโต 6,000 ล้านบาท และเคทีบีเอสที รีทส์ แมนเนจเม้นท์ ตั้งเป้ากองรีทจำนวน 3 กองทุน มูลค่ารวมประมาณ 6,000 ล้านบาท ส่วนธุรกิจอนุพันธ์ หรือ TFEX ตั้งเป้ารักษาส่วนแบ่งตลาดของการซื้อขายให้ติดอันดับ 1 ใน 5 ของอุตสาหกรรม ส่วนธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ไม่ได้ตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาด  มุ่งสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับลูกค้าเป็นสำคัญ” นายวินกล่าว

ขณะเดียวกันบริษัทฯยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและเครื่องมือการลงทุน ได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่น KTBST SMART เป็นแพลตฟอร์มที่รวมข้อมูลผลิตภัณฑ์การลงทุนของ KTBSTทั้งหมดไว้ในที่เดียว เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าในการดูพอร์ต และข้อมูลการลงทุน ช่วยให้การตัดสินใจที่ดีขึ้น พร้อมมุ่งเน้นพัฒนาเครื่องมือใหม่ๆ ให้บริการผ่านแอพพลิเคชั่นอย่างต่อเนื่อง อาทิ ธุรกรรมการฝากและถอนเงินในบัญชี และรองรับการซื้อขายกองทุนรวม

นอกจากนี้ยังเปิดบริการ KTBST SOCIAL TRADING รายแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่รองรับการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่าน แอพพลิเคชั่น SKYNET Stock Trading ซึ่งเป็นนวัตกรรมการลงทุนในรูปแบบเครือข่ายสังคมออนไลน์คุณภาพที่แบ่งปันข้อมูล แนวคิดและกลยุทธ์การลงทุน สำหรับนักลงทุนออนไลน์ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันในสังคมผ่านการปฎิบัติจริง

นายชาตรี โรจนอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ KTBST กล่าวว่า สงครามการค้ามีทิศทางที่ดีขึ้น และอาจจะสามารถหาข้อสรุปได้ภายในครึ่งปีหลัง  คาดว่าจีนต้องการที่จะจบประเด็นความขัดแย้งให้เร็วที่สุด ส่วนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ใกล้จะหมดวาระ จำเป็นต้องมีผลงานเจรจาต่อรองการค้ากับจีนให้เป็นผลสำเร็จ และเป็นชาติแรกของโลก เพื่อใช้ในการหาเสียงในการสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐช่วงปี 2563 ต่อไป

“คำแนะนำสำหรับการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง การปรับตัวลงของสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้น เป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว มีความมั่นคงทางการเมืองและมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนในระดับต่ำ เช่น จีนและอินเดีย เป็นต้น” นายชาตรีกล่าว