HoonSmart.com>>นักลงทุนยังคงขายหุ้นทำกำไร เน้นตัวที่ราคาขึ้นมาสูงกว่าเป้าหมาย-ราคากลาง OSP ตกเป็นเป้า รวมถึงอิเล็กทรอนิกส์ ได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า ดัชนีปิดติดลบ 1.14 จุด สวนทางต่างชาติซื้อหนักมือกว่า 4 พันล้านบาทต่อเนื่อง ส่วน AOT ยังเป็นหุ้นพิมพ์นิยม พลังงานเด่น TOP ได้ค่าการกลั่นเพิ่ม น้ำมันขึ้นหนุน PTTEP
วันที่ 24 มิ.ย.2562 ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่บวกเล็กน้อย ส่วนไทย ดัชนีปิดที่ 1,716 จุด ติดลบ 1.14 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 51,907.48 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,064 ล้านบาท ขณะที่กองทุนในประเทศทิ้งแรง 3,523 ล้านบาท และรายย่อยขาย 1,193 ล้านบาท
นักกลยุทธ์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงขณะที่ต่างชาติซื้อกว่า 4 พันล้านบาท เกิดจากแรงขายทำกำไร นักลงทุนเลือกทิ้งหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นมาเร็ว และแรงเกินไป สังเกตุได้จากราคาขึ้นสูงกว่ามูลค่าพื้นฐานหรือราคาเป้าหมายเฉลี่ย หรือราคากลางที่นักวิเคราะห์ให้ไว้ เห็นชัดเจนจาก บริษัท โอสถสภา (OSP) ราคาหุ้นลดลง 1 บาท ปิดที่ 34 บาท จากเป้าหมายกลาง 31.75 บาท และราคาเฉลี่ย 31.88 บาท แม้ว่าปัจจัยพื้นฐานยังดีอยู่ แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ 5 ราย แนะนำเพียง ถือ หลังจากราคาหุ้นที่เคยอยู่ต่ำกว่า 30 บาท ปรับตัวขึ้นแรงและเร็วเกินไป รวมถึงข่าวดีจบลง เรื่องหุ้น OSP ติดกลุ่มดัชนีSET 50 และ 100
ทั้งนี้ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายสูงสุด 40 บาท ส่วนบล.ธนชาต ให้เพียง 24 บาท
นอกจากนี้นักลงทุนยังเลือกขายหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว อยู่ที่ 30 บาทเศษต่อดอลลาร์ อาทิ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่นเดียวกัน มีแรงซื้อหุ้นที่ได้รับผลดีจากเงินบาทแข็งค่า รวมถึงบริษัทที่มีปัจัยบวกสนับสนุน เช่น โรงกลั่นในต่างประเทศระเบิด ส่งผลให้ค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น เกิดผลดีต่อหุ้นไทยออยล์ (TOP) และราคาน้ำมันดิบที่ยังคงปรับตัวขึ้น สนับสนุน PTTEP และหุ้น AOT ที่นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย จากการมีรายได้เพิ่มขึ้นมาก ค่าสัมปทานดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิ ค่าบริหารพื้นที่สนามบินสวุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานต่างจังหวัด 3 แห่ง
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย (AOT) คาดว่าผลประกอบการในงวดปี 2562/2563 (ต.ค.2562-ก.ย.2563) จะดีกว่าในงวดปี 2561/2562 (ต.ค.2561-ก.ย.2562) เนื่องจากจะมีรายได้ใหม่จากโครงการ Airport City จากที่ดินแปลง 37 ภายในสนามบินสุวรรณภูมิที่มีอยู่ประมาณ 700-800 ไร่ และพื้นที่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิที่มี 500 ไร่ รวมทั้งหมดที่ 1,200 ไร่ โดยคาดว่าจะเริ่มทยอยมีรายได้ในไตรมาส 1 (ต.ค.-ธ.ค.2562)
นอกจากนี้ บริษัทจะมีรายได้ใหม่จากโครงการศูนย์ตรวจสอบสินค้าเกษตรก่อนส่งออก ซึ่งจะจัดตั้งบริษัทย่อย ร่วมกับภาคเอกชนผ่านสภาอุตสาหกรรมและสภาหอการค้าไทย โดย AOT ถือหุ้นใหญ่ 49% คาดว่าจะมีสินค้าส่งออกจากไทย 1.5 แสนตัน/ปี ทำให้ AOT มีรายได้จากการขนส่งสินค้าผ่านโครงการดังกล่า และในปีต่อไป AOT จะจัดตั้งช่องทางจัดการสินค้าเกษตรแบบพิเศษ (PPL)
ขณะที่ธุรกิจการบิน คาดจำนวนผู้โดยสารเติบโต 6% คาดว่างวดปี 2563/2564 รายได้ที่ไม่ใช่ธุรกิจการบิน จะปรับสัดส่วนขึ้นมา 50% ส่วนธุรกิจการบินมาที่ 50% จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 43:57 ขณะเดียวกันยังมีการพัฒนาสนามบินต่อเนื่อง ทั้งอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ โครงการทางวิ่งเส้นที่ 3 (รันเวย์ 3) ส่วนท่าอากาศยานดอนเมือง จะมีการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารอาคาร 1 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2567
บล.โนมูระพัฒนสิน คาดว่าเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง จากการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 2 ครั้งในปีนี้ และปรับลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีหน้าเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ US Bond Yield 10 ปี ปรับตัวลงสู่ 2% และกดดันค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าแรง เงินบาทแข็งค่า ที่ 30.85 บาท/เหรียญ ซึ่งเป็นการแข็งค่าสุดในรอบ 6 ปี ผสานจิตวิทยาบวกของ Window Dressing ไตรมาส 2 น่าจะหนุนดัชนีหุ้นช่วงต้นสัปดาห์ แนะนำ Domestic Play ได้แก่ SCB, SCC, CPALL, ROBINS, หุ้นได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า เช่น PTTEP และหุ้นอิงการลงทุน- การบริโภค