HoonSmart.com>> กองทรัสต์ ‘เอไอเอ็ม คอมเมอร์เชียล โกรท’ จ่อขายหน่วยทรัสต์ เข้าลงทุนทรัพย์สินไลฟ์สไตล์มอลล์ศักยภาพสูง 3 โครงการ ‘ยูดี ทาวน์ – พอร์โต้ ชิโน่ – 72 คอร์ทยาร์ด’ วงเงินลงทุนไม่เกิน 2,880 ล้านบาท หลังก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง ชูอัตราเช่าพื้นที่เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีสูง 84% – 100% ทำเลโดดเด่น ประมาณการอัตราเงินจ่ายปีแรก 8%
นายอมร จุฬาลักษณานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ็มกรุ๊ป ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ ในฐานะผู้ก่อตั้งทรัสต์และผู้จัดการกองทรัสต์ เอไอเอ็ม คอมเมอร์เชียล โกรท (AIMCG) เปิดเผยว่า ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอไอเอ็ม คอมเมอร์เชียล โกรท (AIMCG) มีนโยบายเข้าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าเพื่อการพาณิชย์ (Commercial Real Estate Property) ที่มีศักยภาพอย่างหลากหลาย อาทิ ศูนย์การค้า ไลฟ์สไตล์มอลล์ อาคารสำนักงานให้เช่า ศูนย์การประชุม ฯลฯ เพื่อเป็นทางเลือกการลงทุน โดยหลังจากที่ปรึกษาทางการเงินได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกและแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (Filing) ของทรัสต์ AIMCG ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ล่าสุดได้เริ่มนับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกแล้ว
ทั้งนี้ ทรัสต์ AIMCG จัดตั้งโดยเอไอเอ็มกรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทรัสต์อิสระที่ไม่มีความเกี่ยวข้องหรือเป็นบริษัทในเครือเจ้าของทรัพย์สินและมีทีมบริหารจัดการที่มีประสบการณ์บริหารกองทรัสต์ โดยจะเข้าลงทุนครั้งแรกในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ประเภทไลฟ์สไตล์มอลล์ 3 โครงการที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพ คอนเซปต์โครงการที่เป็นเอกลักษณ์ อัตราการเช่าพื้นที่สูง และมีผู้เช่าพื้นที่เป็นร้านค้าชั้นนำที่มีชื่อเสียง สามารถดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการในโครงการ เพิ่มโอกาสให้แก่กองทรัสต์ในการสร้างรายได้สม่ำเสมอในระยะยาว ได้แก่ 1. โครงการยูดี ทาวน์ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นจังหวัดหัวเมืองเศรษฐกิจที่มีการขยายตัว 2. โครงการพอร์โต้ ชิโน่ จังหวัดสมุทรสาคร บนถนนพระราม 2 (ขาออก) และ 3. โครงการ 72 คอร์ทยาร์ด ใจกลางซอยทองหล่อ (ซอยสุขุมวิท 55)
“เอไอเอ็มกรุ๊ปให้ความสำคัญกับการพิจารณาคัดเลือกทรัพย์สินที่ทรัสต์ AIMCG จะเข้าลงทุนในทุกมิติ ทั้งในด้านคุณภาพทรัพย์สิน ศักยภาพทำเลที่ตั้ง ผู้พัฒนาและบริหารโครงการที่มีประสบการณ์และเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า สัดส่วนพื้นที่เช่าที่เหมาะสมระหว่างร้านค้า-ร้านอาหาร จำนวนผู้เช่า ผู้อยู่อาศัยโดยรอบโครงการ การจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความคึกคักดึงดูดลูกค้าเข้ามาในโครงการ ตลอดจนผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและแนวโน้มรายได้ในอนาคต เพื่อให้ได้ทรัพย์สินที่มีคุณภาพเป็นทางเลือกที่ดีในการลงทุน” นายอมร กล่าว
นายจรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ เอไอเอ็มกรุ๊ป ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ ในฐานะผู้ก่อตั้งทรัสต์และผู้จัดการกองทรัสต์ AIMCG กล่าวว่า ทรัพย์สินทั้ง 3 โครงการที่กองทรัสต์จะเข้าลงทุนครั้งแรกมีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน โดยโครงการยูดี ทาวน์ อุดรธานี เป็นไลฟ์สไตล์มอลล์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดอุดรธานีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก จากคนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงนักท่องเที่ยวจาก สปป.ลาว ที่นิยมเดินทางเข้ามาเลือกซื้อสินค้า ทานอาหารและท่องเที่ยว โดยมีพื้นที่ให้บริการที่หลากหลาย ทั้งร้านอาหารแบรนด์ชั้นนำ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ธนาคาร คลินิกเสริมความงาม ตลาดนัด ถนนคนเดิน ฯลฯ และตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัด โดยมีบริษัท อุดรพลาซ่า จำกัด เป็นผู้พัฒนาและบริหารโครงการมาตั้งแต่เริ่มต้น จึงมีความเข้าใจไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมผู้บริโภคเป็นอย่างดี ส่งผลให้โครงการมีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ประมาณ 97% และมีผู้มาใช้บริการกว่า 2-5 หมื่นคนต่อวัน
ส่วนโครงการพอร์โต้ ชิโน่ จังหวัดสมุทรสาคร เป็นไลฟ์สไตล์มอลล์แห่งแรกและมีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดสมุทรสาคร พัฒนาโดยบริษัท ดี-แลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่นที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี โดยมีความโดดเด่นด้านทำเลที่อยู่ติดถนนพระราม 2 (ขาออก) จึงกลายเป็นจุดพักระหว่างทาง (Rest Area) ที่ได้รับความนิยมจากผู้ที่ขับรถเดินทางสู่ภาคตะวันตกและภาคใต้ ขณะเดียวกันยังเป็นแหล่งรวมร้านอาหารท้องถิ่น (Food Oasis) และแบรนด์ชั้นนำต่างๆ อาทิ ร้านสตาร์บัคส์ ไดร์ฟทรูแห่งแรกในไทย และยังมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่เช่าอย่างต่อเนื่องให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยได้มุ่งเน้นคอนเซปต์ Neighborhood Mall เพื่อรองรับผู้พักอาศัยในชุมชนใกล้เคียงและคนในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น ได้แก่ การปรับปรุงโซน Food Port และเพิ่มร้านค้าในสมุทรสาครบริเวณชั้น 1 อีก 100 ร้าน ปรับปรุงพื้นที่ชั้น 2 เป็น Seafood Zone บนพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร ตลอดจนเพิ่มพื้นที่สนามเด็กเล่นขนาดใหญ่เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มครอบครัว ส่งผลให้มีอัตราเช่าพื้นที่เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีประมาณ 84% และมีผู้มาใช้บริการกว่า 4 พัน-1 หมื่นคนต่อวัน
ขณะที่โครงการ 72 คอร์ทยาร์ด ทองหล่อ พัฒนาโดยบริษัท เม็มเบอร์ชิป จำกัด เป็นไลฟ์สไตล์มอลล์แหล่งพบปะสังสรรค์ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ในซอยทองหล่อ โดยเป็นโครงการที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้านการออกแบบและคอนเซปต์โครงการที่โดดเด่น ซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่ คนทำงานและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่สามารถรองรับกลุ่มลูกค้าได้ทั้งกลางวันและกลางคืน จึงเป็นจุดหมายของการนัดพบและแหล่งแฮงเอาท์ของผู้ใช้บริการที่มีกำลังซื้อสูง
นอกจากนี้ ทำเลที่ตั้งของโครงการยังอยู่ในซอยทองหล่อ (ตรงข้ามซอยทองหล่อ 15) ซึ่งเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ที่สำคัญของกรุงเทพฯ และเป็นแหล่งที่พักอาศัยชั้นนำที่มีทั้งคอนโดมิเนียม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ โรงแรม และอาคารสำนักงานระดับกลาง-บน อยู่เป็นจำนวนมาก จึงเป็นย่านที่มีความคึกคักตลอดทั้งวันเนื่องจากมีคนไทยและชาวต่างชาติอยู่อาศัยอย่างหนาแน่น ส่งผลให้โครงการมีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีเต็ม 100% และมีจำนวนผู้มาใช้บริการกว่า 300-1,500 คนต่อวัน
นายทิตวัฒน์ อัศเวศน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม กล่าวว่า การเข้าลงทุนในทรัพย์สินครั้งแรกของกองทรัสต์ AIMCG นั้น จะลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพที่มีจุดเด่นเฉพาะตัว โดยมีทำเลที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี โดยรายละเอียดของทรัพย์สินที่ลงทุนจะประกอบด้วย 1. การลงทุนในสิทธิการเช่าของโครงการยูดี ทาวน์ อุดรธานี พื้นที่ที่กองทรัสต์จะเข้าลงทุนรวมประมาณ 4.5 หมื่นตารางเมตร เป็นระยะเวลาประมาณ 21 ปี 2. การลงทุนในสิทธิการเช่าของโครงการพอร์โต้ ชิโน่ สมุทรสาคร พื้นที่ที่กองทรัสต์จะเข้าลงทุนรวมประมาณ 3.3 หมื่นตารางเมตร เป็นระยะเวลา 30 ปี และ 3. การลงทุนในสิทธิการเช่าโครงการ 72 คอร์ทยาร์ด ทองหล่อ พื้นที่ที่กองทรัสต์จะเข้าลงทุนรวมประมาณ 5,000 ตารางเมตร เป็นระยะเวลาประมาณ 13 ปี
ภายหลังกองทรัสต์เข้าลงทุนในทรัพย์สินจะแต่งตั้ง บริษัท อุดรพลาซ่า จำกัด บริษัท เชษฐโชติ จำกัด และบริษัท ดี-แลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาและบริหารโครงการเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ต่อไป
นายวุฒิชัย ธรรมสาโรช กรรมการ บริษัท ดิสคัฟเวอร์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม กล่าวว่า การลงทุนในทรัพย์สินครั้งแรกของทรัสต์ AIMCG มีวงเงินสูงสุดไม่เกิน 2,880 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมาจากการระดมทุนโดยการเสนอขายหน่วยทรัสต์ไม่เกิน 2,880 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะยาวไม่เกิน 500 ล้านบาท โดยทรัสต์ AIMCG มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อรอบปีบัญชี ซึ่งประมาณอัตราเงินจ่ายในปีแรกตามประมาณการงบกำไรขาดทุนที่คาดคะเนตามสมมติฐานของกองทรัสต์ สำหรับงวด 12 เดือน (1 ก.ค.2562 ถึง 30 มิ.ย.2563) สอบทานโดยผู้ตรวจสอบบัญชี จะอยู่ที่ประมาณ 8% อ้างอิงจากราคาเสนอขายหน่วยทรัสต์ 10 บาทต่อหน่วย