บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยได้อานิสงส์เฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย เหตุกังวลกระทบการลงทุนในภาคธุรกิจและการจ้างงาน ดัชนีเคลื่อนไหวผันผวน กรอบ 1,745-1,790 จุด
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ได้รับปัจจัยบวกจากการชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด เพราะกังวลจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในภาคธุรกิจและการจ้างงาน หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯในเดือนเม.ย. ปรับตัวขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าคาด แม้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯทรงตัวที่ระดับ 98.8 ในเดือนพ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ระดับ 98.5 และปัจจัยบวกภายในประเทศจากคาดการณ์แนวโน้มตัวเลข GDP ในช่วงไตรมาส 1/2561 จะแสดงถึงการขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสสุดท้ายของปี 2560 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดี รวมทั้งพ.ร.บ.อีอีซีมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. เป็นต้นไปสร้างความชัดเจนด้านนโยบายการลงทุนและดึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในประเทศไทย
ส่วนปัจจัยที่ยังคงกดดันภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ มาจาก fund flow มีความผันผวนมากขึ้น และเริ่มมีแรง ซื้อสุทธิสลับเข้ามาหลังจากเงินบาทพลิกแข็งค่า อย่างไรก็ดีในช่วง 1 เดือนย้อนหลังนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิลดลงเหลือ 1.3 หมื่นล้านบาท และราคาน้ำมันปรับลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี หลังจากประเทศพันธมิตรของสหรัฐยังคงสนับสนุนข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านต่อไป ส่งผลให้คาดการณ์ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านลดลงไม่มากนัก ประกอบกับมีสัญญาณของอุปทานน้ำมันดิบของโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2561 วันสุดท้ายในวันที่ 15 พ.ค. ของบริษัทจดทะเบียน และปัจจัยต่างประเทศจับตาการรายงานตัวเลข GDP ในไตรมาส 1/2561 ของกลุ่มอียู รวมถึงสหรัฐฯจะเปิดเผยตัวเลขดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค. ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ค. สต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ ส่วนปัจจัยในประเทศในวันที่16 พ.ค. จับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 3/2561 และในวันที่ 21 พ.ค. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มีกำหนดแถลง GDP ไตรมาส 1/2561
นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มไต่ขึ้นต่อ คาดดัชนี SET ผันผวนในกรอบ 1,745-1,790 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้นที่มีปัจจัยบวก ได้แก่ BANPU ได้ประโยชน์จากราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นสู่ 100 ดอลลาร์/ตัน เพิ่มขึ้น 9% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา รวมถึง PSL และ TTA ได้อานิสงส์จากค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นสู่ 1,453 จุด เพิ่มขึ้น 11% ใน 8 วันที่ผ่านมา และหุ้น MAI ที่คาดการณ์ผลประกอบการปี 2561 เติบโตดี ได้แก่ JUBILE, ATP30 และ AGE
สำหรับแนวโน้มราคาทองคำสัปดาห์นี้เข้าสู่ช่วง rebound ด้วยรูปแบบ V-shape ดีดตัวขึ้นในกรอบหลักระหว่าง 1,300–1,370 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสนับสนุนให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมีเพียงการกลับทิศมาอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ เนื่องจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯที่ยังไม่ได้ข้อสรุปเท่านั้น ความเสี่ยงต่าง ๆ ในแต่ละภูมิภาคทั่วโลกไม่โดดเด่นพอจะเป็นบวกต่อสินทรัพย์ปลอดภัยได้
ทั้งนี้ ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีผ่อนคลายลงมากนับตั้งแต่มีการจับมือกันระหว่างเกาหลีเหนือ–ใต้ จนถึงล่าสุดที่สหรัฐฯประกาศจะสนับสนุนด้านการเงินหากเกาหลีเหนือยอมปลดอาวุธนิวเคลียร์ ส่วนในตะวันออกกลางยังอยู่ระหว่างการเจรจาหลังจากสหรัฐฯถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน แต่ชาติมหาอำนาจอื่นที่อยู่ในสัญญาไม่ได้ถอนตัวด้วย จึงมีโอกาสที่การคว่ำบาตรของสหรัฐฯต่ออิหร่านอาจไม่ได้ผลเท่าเมื่อก่อน ในขณะที่ซาอุฯพร้อมผลิตน้ำมันเพิ่ม หากอิหร่านต้องลดการส่งออกน้ำมันจริง ส่งผลให้ราคาน้ำมันในระยะสั้นมีโอกาสผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว จึงไม่ได้เป็นผลดีต่อราคาทองคำ จึงแนะนำซื้อเก็งกำไร โดยแบ่งปิดทำกำไรเป็นรอบสั้น ๆ