ฝรั่งกระหน่ำทิ้งหุ้นไทย 4 เดือนครึ่งเฉียดแสนล้าน

นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทย พบแค่4เดือนครึ่งขายออก 9.4 หมื่นล้านบาท ส่งผลสถานะถือครองหุ้นต่ำสุดในรอบ 14 ปี กกดัน SET Index ผันผวนในทิศทางปรับลงได้

วันนี้ (14 พ.ค.) ฝ่ายวิจัยฯ บล.เอเซีย พลัส (ASP) ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มหุ้นไทยและFundFlow โดยระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (ม.ค.-ช่วงกลางเดือนพ.ค.) หรือประมาณ 4 เดือนกว่า นักลงทุนต่างชาติมียอดขายหุ้นสะสมรวมกว่า 9.4 หมื่นล้านบาท โดยซื้อสุทธิหุ้นไทยเพียงแค่ 25 วันทำการเท่านั้น ที่เหลือเป็นการขายสุทธิ ส่งผลให้ล่าสุดสถานะการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ ไม่รวม NVDR ลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ 23.6%

ทั้งนี้ หากยอดขายรายเดือนพบว่าในเดือนก.พ.นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยหนักที่สุดราว 4.1 หมื่นล้านบาทรองลงมาคือเดือนเม.ย.ขายหุ้น 2.14 หมื่นล้านบาท เดือนพ.ค.(ครึ่งเดือน) ขายหุ้น 1.52 หมื่นล้านบาท เดือนมี.ค.ขายหุ้น 1.1 หมื่นล้านบาท และเดือนม.ค.ขายหุ้นน้อยสุด 5.7 พันล้านบาท

“นักลงทุนต่างชาติเล่นขายไม่หยุด ขายจนสถานะการถือครองหุ้นไทย ไม่รวม NVDR ลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ 23.6% เมื่อสิ้นเดือนเม.ย.2561 ต่ำสุดนับจากปี 2547 สอดคล้องกับที่ฝ่ายวิจัยฯ ASP เคยประเมินไว้เมื่อต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาว่า ในช่วงไตรมาส 2 ต่างชาติจะยังขายหุ้นไทยอีก เนื่องจากขาดปัจจัยหนุนใหม่ และจากสถิติย้อนหลัง 10 ปีพบว่า 7 ใน 10 ปี ต่างชาติมักขายสุทธิหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 2 หรือเฉลี่ย 1.87 หมื่นล้านบาท”ผลสำรวจข้อมูลของ ASP ระบุ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าต่างชาติจะขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี แต่ SET Index แทบไม่เปลี่ยนแปลง สะท้อนถึงแรงซื้อของนักลงทุนในประเทศที่มากเพียงพอที่จะต้านแรงขายหุ้นของต่างชาติได้ และการที่ Bond Yield 10 ปีของสหรัฐฯ สูงกว่าไทยในขณะนี้ รวมทั้งธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก จะทำให้เงินบาทอ่อนค่า เมื่อเทียบเงินเหรียญสหรัฐ เป็นปัจจัยที่ทำให้ Fund Flow ยังไหลออกจากตลาดหุ้น

“Fund Flow ยังไหลออกจากตลาดหุ้น หรือมองในแง่ดีสุดก็คือ ไม่มีเงินไหลเข้า และด้วยเหตุนี้ SET Index ช่วงนี้ น่าจะยังผันผวนในทิศทางปรับลงได้”ฝ่ายวิจัยฯระบุ