ก.ล.ต.คุม “เงินดิจิทัล” เบ็ดเสร็จ

ประกาศใช้แล้วพรก.คุมเงินดิจิทัล ให้อำนาจ ก.ล.ต.คุมเบ็ดเสร็จ ผู้ใดให้ข้อมูลเท็จ-ปกปิดข้อมูลโทษหนักคุก 5 ปี ปรับ 2 เท่าของวงเงินขายโทเคนดิจิทัล พร้อมกำหนดเก็บภาษีซื้อขายโคเคนดิจิทัล 15% นักลงทุน เฮ !!! กฎหมายสร้างความเชื่อมั่น หนุนธุรกิจคึกคัก

 

เมื่อวันที่ 13 พ.ค.เว็ปไซด์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 เพื่อกำกับและควบคุมการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับทรัพย์สินดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส รักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจ คุ้มครองผู้ลงทุนและประชาชนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเผยแพร่พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) พ.ศ.2561 ซึ่งกำหนดอัตราจัดเก็บภาษีจากการซื้อขายหรือโอนโทเคนดิจิทัล คริปโทเคอร์เรนซี ในอัตรา 15% ของเงินได้พึงประเมิน

สำหรับพ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรพย์ดิจิทัลมีทั้งสิ้น 100 มาตรา โดยมีมาตราสำคัญ ประกอบด้วย มาตรา 10 ให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีอำนาจในการวางโยบาย กำกับ และควบคุม การออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลและการประกอบธุรกิจทรัพย์สินดิจิทัล รวมถึงกำหนดค่าธรรมเนียมต่างๆ และกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการบังคับใช้พ.ร.ก.ฉบับนี้

มาตรา 11 ในกรณีที่การดำเนินการใดๆเกี่ยวกับทรัพย์สินดิจิทัลอาจก่อให้เกิดผลกระทบและความเสียหายอย่างรุนแรงต่อประโยชน์ของประชาชนในวงกว้าง ให้คณะกรรมการก.ล.ต.รายงานข้อเท็จจริงและประเมินผลกระทบหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งวิเคราะห์ปัญหาและเสนอแนวทางดำเนินการต่อรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาโดยเร็ว มาตรา 15 กำหนดให้สำนักงานก.ล.ต.มีหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำผิดและการลงโทษบุคคลซึ่งกระทำผิดตามพ.ร.ก.นี้

ส่วนแนวทางการเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชน มาตรา 17 วรรคแรก ระบุว่า ในการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่ออกใหม่ต่อประชาชน ผู้ออกโทเคนดิจิทัลต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานก.ล.ต. และการออกโทเคนดิจิทัล ให้กระทำได้เฉพาะนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด หรือบริษัทจำกัดมหาชน และต้องยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานก.ล.ต. โดยให้เป็นไปตามรายละเอียดที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโทเคนดิจิทัลที่ผู้เสนอขายได้ออกไว้แล้วก่อนหน้านี้ และมีวัตถุประสงค์ที่จะเสนอขายต่อประชาชนนั้น จะต้องดำเนินการตามมาตรา 17 วรรคแรกด้วย

มาตรา 18 ผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลจะเสนอขายโทเคนดิจิทัลให้นักลงทุนตามประเภทและภายใต้เงื่อนไขที่คณะกรรมการก.ล.ต.กำหนด มาตรา 19 กำหนดให้การเสนอขายโทเคนดิจิทัลจะกระทำได้ ก็ต่อเมื่อแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัล และร่างหนังสือชี้ชวนมีผลบังคับใช้แล้ว และต้องเสนอขายผ่านผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก.ล.ต.เท่านั้น

มาตรา 22 ในกรณีที่สำนักงานก.ล.ต.ตรวจพบว่าข้อความหรือรายการในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและหนังสือชี้ชวนเป็นเท็จ ขาดข้อความที่ควรต้องแจ้งในสาระสำคัญ คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง หรือมีเหตุการณ์ที่มีผลให้ข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและหนังสือชี้ชวนเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญ อันอาจทำให้นักลงทุนเสียหายหรือมีผลกระทบต่อการตัดสินใจในการลงทุน

ให้สำนักงานก.ล.ต.สั่งระงับแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัลและหนังสือชี้ชวนเป็นเท็จชั่วคราว จนกว่าจะมีการแก้ไขให้ถูกต้อง

มาตรา 26 ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการก.ล.ต. มาตรา 28 ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลตั้งหรือยอมให้บุคคลซึ่งมีลักษณะต้องห้ามตามที่คณะกรรมการก.ล.ต.กำหนด ทำหน้าที่เป็นกรรมการหรือผู้บริหารของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล มาตรา 30 ให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องปฏิบัติหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการก.ล.ต.กำหนด

มาตรา 35 เมื่อปรากฏว่าผู้ประกอบการทรัพย์สินดิจิทัลมีฐานะการเงินหรือการดำเนินงานที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน หรือฝ่าฝืนหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด

คณะกรรมการก.ล.ต.อาจสั่งให้แก้ไขให้ถูกต้องภายในเวลาที่กำหนด หากทำไม่ได้คณะกรรมการก.ล.ต.อาจสั่งให้ผู้ประกอบการระงับการดำเนินการทั้งหมดหรือบางส่วน และกำหนดระยะเวลาให้แก้ไขให้ถูกต้อง หากทำไม่ได้หรือทำผิดซ้ำ คณะกรรมการก.ล.ต.จะเสนอให้รัฐมนตรีพิจารณาสั่งเพิกถอนการอนุญาตนั้น และต้องปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของลูกค้า

มาตรา 37 กรณีที่การทำธุรกรรม การดำเนินกิจการ หรือการดำเนินการใดๆเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบการเงินหรือระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ รัฐมนตรี โดยความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี มีอำนาจประกาศห้ามผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทำธุรกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือสั่งระงับการดำเนินกิจการบางส่วนหรือทั้งหมดได้

มาตรา 40 ห้ามมิให้ผู้ใดบอกกล่าว เผยแพร่หรือให้คำรับรองข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความอันอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน ผลการดำเนินงาน และข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวกับผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล สาระสำคัญของโทเคนดิจิทัล หรือราคาซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัลหรือต่อการตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล

มาตรา 42 ห้ามมิให้บุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในที่เกี่ยวกับผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัล เข้าซื้อหรือขายโทเคนดิจิทัล หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เว้นแต่เป็นการปฏิบัติตามภาระผูกพันสัญญาที่ทำขึ้นก่อนที่ตนจะรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน และไม่เป็นการกระทำที่เอาเปรียบบุคคลอื่นในลักษณะที่คณะกรรมการก.ล.ต.กำหนด

ขณะที่มาตรา 51-56 ได้กำหนดอำนาจของเจ้าหน้าที่ในการเข้าตรวจค้นสถานประกอบธุรกิจหรือที่ตั้งของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล วิธีการตรวจสอบและการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลคอมพิวเตอร์ การยึดและอายัดทรัพย์สิน สั่งให้บุคคลใดๆมาให้ถ้อยคำหรือข้อมูลอื่นใด เป็นต้น

พ.ร.ก.ยังได้กำหนดบทลงโทษทางอาญาสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพ.ร.ก.ฉบับนี้ อาทิ มาตรา 57 ผู้ใดเสนอขายโทเคนดิจิทัลโดยฝ่าฝืนหรือไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่เสนอขายผ่านผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลตามที่กำหนด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับเป็นเงินไม่เกิน 2 เท่าของราคาขายโทเคนดิจิทัลทั้งหมดที่เสนอขาย แต่ทั้งนี้เงินค่าปรับต้องไม่น้อยกว่า 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 59 ผู้ใดแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกแจ้งในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัล และร่างหนังสือชี้ชวน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับเป็นเงินไม่เกิน 2 เท่าของราคาขายโทเคนดิจิทัลทั้งหมดที่เสนอขาย แต่ทั้งนี้เงินค่าปรับต้องไม่น้อยกว่า 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 60 ผู้ใดเสนอขายโทเคนดิจิทัลโดยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามมาตรา 19 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 65 หากผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลที่มีหน้าที่หรือส่งข้อมูลตามมาตรา 25 อันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งในสาระสำคัญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ พ.ร.ก.ยังกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งไว้ในมาตรา 96-99 และกำหนดบทเฉพาะการไว้ในมาตรา 100 ซึ่งกำหนดให้ผู้ประกอบการธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ก่อนวันที่พ.ร.ก.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้และเป็นธุรกิจที่ต้องขออนุญาตตามพ.ร.ก.นี้ หากจะดำเนินธุรกิจต่อไปให้ยื่นคำขออนุญาตตามที่บัญญัติไว้ในพ.ร.ก.ฉบับนี้ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ พ.ร.ก.มีผลบังคับใช้ และเมื่อยื่นคำขออนุญาตแล้วให้ดำเนินกิจการต่อไปได้จนกว่าจะมีคำสั่งไม่อนุญาต

ทางด้านนายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ นักลงทุนเงินดิจิตอล กล่าวว่า การออก พ.ร.ก.คุมเงินดิจิทัล ทำให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน ผู้ออก ICO หรือหน่วยงานกำกับดูแล ได้เดินตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีกฎหมายควบคุม ทำให้นักลงทุน , ผู้ออก ICO มีความวิตกกังวล

นอกจากนี้ พ.ร.ก.ที่ออกมา ทำให้ธุรกรรมออกและเสนอขาย ICO คึกคักขึ้น นักลงทุนมั่นใจ รวมทั้งช่วยลดการโกงหลอกลวง ลดน้อยลง

” การมีกฎหมายออกมาบังคับใช้ ทำให้มีความชัดเจนไปขับเคลื่อนธุรกิจได้ คนระดมทุนรู้สึกปลอดภัย คนลงทุน คลายกังวลและรู้สึกว่าไม่มีความเสี่ยง เพราะมีกฎหมายรองรับ มีผู้ดูแลชัดเจน ทั้งผู้ซื้อและขาย รู้สึกมั่นใจมากขึ้น ” นายประสิทธิ กล่าว