ความจริงความคิด : เล่นพระ vs เล่นหุ้น (อีกที)

โดย..สาธิต บวรสันติสุทธิ์, CFP

ครั้งที่แล้ว บังเอิญผมทิ้งศัพท์คำหนึ่งว่า “ตกควาย” ก็มีหลายท่านสอบถามกันมาว่า “ตกควาย” แปลว่าอะไร วันนี้ก็เลยต้องขออนุญาตขยายความคำว่า “ตกควาย” และขอเพิ่มแนวคิดในการเล่นพระกับการเล่นหุ้นบางอย่าง เผื่อจะเป็นประโยชน์ครับ

ระวังตกควาย ตกควายเป็นศัพท์ในวงการพระ หมายถึง การที่เจ้าของพระขายพระผิดราคา คือ ขายต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็นมาก อย่างเช่น พระหลักหมื่น ขายเป็นหลักร้อย ตัวอย่างที่เคยอ่านเจอ ก็เช่น เซียนพระไปเช่าพระรอด ลำพูน หนึ่งในเบญจภาคี ที่ราคาตลาดอยู่ที่หลักล้านจากแผงพระที่จังหวัดเชียงใหม่ในราคาเพียง 500 บาท ถูกเหมือนได้เปล่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะคนขายไม่มีความรู้ ดูพระไม่เป็น ไม่รู้ว่าพระที่ตนมีอยู่ แท้หรือไม่

การลงทุนก็เหมือนกัน นักลงทุนรายย่อยที่ไม่ค่อยมีความรู้ มักจะเสียเปรียบนักลงทุนรายใหญ่ ที่มีทั้งลากหุ้นขึ้น ทุบหุ้นลงต่างๆ นาๆ โดยเฉพาะรายย่อยที่ลงทุนตามข่าวปล่อยในตลาด มักจะขายหุ้นดีในราคาต่ำ ไปซื้อหุ้นแย่ในราคาสูง ทำนองขายหมูอ้วน ซื้อควายป่วย ดังนั้นหากไม่อยากถูกตกควาย ลงทุนเฉพาะหุ้นที่เรารู้จักดี จะดีกว่า ปลอดภัยดี

อย่าบ้าพระให้มากนักถึงขนาดมีเงินเท่าไหร่เช่าพระหมดทุกรุ่น เงินเรามีจำกัด พระออกมาใหม่ทุกวัน วันละหลายวัด หลายรุ่น ยังไงเราก็ไม่มีทางตามเก็บทัน และเก็บไว้มากๆจะเป็นภาระซะอีก เพราะพระแม้จะเป็นที่นิยม แต่ก็เฉพาะเมืองไทย (อาจมีคนสนใจบ้างในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ก็ไม่มากนัก) และก็มีพระเพียงบางรุ่นเท่านั้นที่เป็นที่นิยมในตลาด ที่สำคัญ คือ ลงทุนในพระ ไม่มีดอกเบี้ย ไม่มีเงินปันผล มีแต่กำไรจากซื้อมาขายไป (capital gain) เท่านั้น ดังนั้น การไล่เก็บพระทุกรุ่นโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ เงินจะจมและไม่งอกเงย

ส่วนการลงทุนในหุ้น แม้หลายคน หลายตำรา จะบอกว่า การลงทุนในหุ้นเป็นการลงทุนที่ให้โอกาสของผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว แต่หุ้นก็มีความเสี่ยงสูง ผู้รู้จึงแนะนำให้กระจายความเสี่ยง แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าให้กระจายซื้อหุ้นทุกตัวที่มีในตลาด ฝรั่งเคยทำวิจัยมาแล้ว ลงทุนแค่ 9 -12 ตัวก็กระจายความเสี่ยงได้ดีเท่าลงทุน 40 -50 ตัว ไม่ต้องซื้อหุ้นหลายตัวเกินไปนัก ลงทุนหุ้นดีๆที่รู้จักอย่างแท้จริงซัก 4-5 ตัวก็พอ พลาดโอกาสกำไรในหุ้นบางตัว ยังดีกว่าติดหุ้นบางตัวที่ราคาสูง แถมไม่มีสภาพคล่อง วันก่อนอ่านพบ ผู้ประสบความสำเร็จในการลงทุนในหุ้น มีหุ้นในพอร์ตประมาณ 5 ตัวเอง

อย่าเช่าพระในที่แสงสว่างไม่พอ และอย่าเช่าพระเลี่ยมกรอบไว้ เพราะเงาแสงจะหลอกตา และพระที่เลี่ยมกรอบไว้ กรอบจะปิดปังรายละเอียดที่สำคัญบางส่วนของพระไป เช่น ขอบพระ โดยเฉพาะพระเหรียญ ขอบเหรียญสามารถชี้เก๊ แท้ ได้ เพราะขอบจะบอกถึงกรรมวิธีผลิต เช่น เหรียญตีปลอกหรือขอบกระบอก เป็นเทคนิคสมัยก่อน โดยตัดโลหะให้ใกล้เคียงกับบล๊อคแล้วปั๊ม ขอบจึงเรียบ บางเหรียญก็จะมีขอบคม ๆ ปลิ้นมาด้านหลัง เช่นเหรียญมงคลบพิตรปี 2460 หรือเหรียญเลื่อย กรรมวิธีผลิตก็ปั๊มพระออกมาเป็นองค์ ๆ แล้วใช้เลื่อยตัดให้พอดีขอบ อย่างเหรียญวัดพนัญเชิงปี 2460 ทีนี้เมื่อเรารู้ว่าเหรียญนี้ขอบเป็นเหรียญเลื่อย เมื่อเจอเหรียญนี้ขอบปั๊มตัด ก็ไม่ต้องไปไล่ตำหนิให้เสียเวลา เก๊ชัวร์ เป็นต้น

การลงทุนในหุ้นก็เหมือนกัน บริษัทจดทะเบียนไหนที่ส่งข้อมูลไม่ครบหรือ ส่งช้ากว่ากำหนด (ขึ้น NP) หรือ ไม่ชี้แจงข้อมูลที่เกิดขึ้น ก็ควรระมัดระวังในการลงทุนจนกว่าจะได้รับทราบข้อมูลที่ครบถ้วนครับ

ของดีราคาถูก ไม่ใช่ว่าไม่มี พระที่เป็นที่นิยมราคาหลักแสนหลักล้านในตอนนี้ ย้อนหลังไปตอนช่วงที่ออกใหม่ๆ หลายองค์ไม่ได้เป็นพระที่ราคาสูงเลย บางองค์หลวงพ่อท่านแจกฟรีสำหรับคนที่มาช่วยงานวัดด้วยซ้ำ เช่น หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว พิมพ์ขุดสระ ที่ท่านสร้างขึ้นเมื่อปี พศ. 2460 เพื่อแจกสมนาคุณแก่ชาวบ้านที่ได้มาช่วยกันขุดดิน นำมาถมที่เพื่อสร้างพระอุโบสถ หรือ พระผงคลุกรักพิมพ์แจกแม่ครัวของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองฯ ที่ท่านสร้างประมาณ ปี 2461 -2463 สำหรับแจกแม่ครัวที่มาช่วยในงานวัดของท่าน ฯลฯ หากเราไม่สามารถหาพระเก่าได้ ก็ลองหาสะสมพระใหม่ที่พิธีดี มวลสารดี เกจิอาจารย์ผู้ปลุกเสกดี วัตถุประสงค์การจัดสร้างดี เก็บไว้ เพราะอนาคตมีโอกาสดี

หุ้นก็เหมือนกัน หุ้นที่ดีๆ ราคาถูกไม่ใช่ไม่มี เพียงแต่ในภาวะกระทิง อาจหายากหน่อย แต่ก็ไม่ใช่จะหาไม่ได้เลย และอาจหาได้ง่ายขึ้นในภาวะหมี เพียงแต่เราต้องรู้ว่าจะหาอย่างไร ถึงจะเจอ หุ้นดีราคาถูก แนวคิดนี้เป็นแนวคิดของพวก value investor (VI) ลองเข้าเว็บไซด์ thaivi.com หรือ อ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการลงทุนของ Warren Buffett ปรมาจารย์ด้านการลงทุนแบบ VI ดู ที่แปลเป็นภาษาไทยแล้ว มีหลายเล่มครับ หรือของนักลงทุนแนว VI ไทยก็มีหลายท่านครับ

ให้เซียนดู ถ้า 7 คนบอกแท้ 3 คนตีเก๊ ให้เก็บพระไว้ก่อน เพราะพระเป็นเรื่องของการพิจารณา การประเมินบนหลักวิทยาศาสตร์ ความรู้ และความเชี่ยวชาญที่แต่ละคนมี ดังนั้นจึงมีหลายครั้งที่พระองค์เดียวกัน แต่เซียนบางคนตีแท้ บางคนตีเก๊ ดังนั้น หากเซียน 7 คนตีแท้ 3 คนตีเก๊ ก็มีโอกาสสูงที่พระของเราเป็นพระแท้ จึงควรเก็บไว้ก่อน ดีกว่าปล่อยออกไปในราคาถูกเกินควร

ทำนองเดียวกับการลงทุน ก่อนลงทุนหุ้นอะไร ลองดูหน่อยสิว่า โบรกเกอร์มีความเห็นกับหุ้นที่เราสนใจอย่างไรบ้าง มีคำแนะนำให้ซื้อ ถือ หรือ ขาย ราคาเป้าหมายเท่าไหร่ หากโบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีความเห็นในทำนองเดียวกัน ก็น่าจะปลอดภัย หากลงทุนตามคำแนะนำนั้น ซึ่งเราจะหาคำแนะนำของโบรกเกอร์ที่มีต่อหุ้นที่เราสนใจได้ไม่ยาก เข้า www.settrade.com เลย แค่พิมพ์ชื่อย่อหุ้น ที่ความเห็นนักวิเคราะห์ (SAA Consensus) แค่นี้ก็ได้แล้ว

สุดท้ายครับ แม้เซียนพระจะเก่งมากมาย แต่ก็ยังมีโอกาสพลาด ทำนอง “สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง” สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะขาดสติ และที่ขาดสติ ก็มักจะเพราะ “โลภ” การลงทุนก็เหมือนกัน แม้ว่าเหตุผลของการลงทุน เพราะโลภ แต่ถ้าไม่ “โลภ” จนเกินไป เราก็จะไม่พลาดครับ

**ขอให้โชคดีได้พระหลักล้านในราคาหลักร้อย**

อ่านประกอบ

ความจริง ความคิด : เล่นพระ vs เล่นหุ้น (2)

ความจริง ความคิด : เล่นพระ vs เล่นหุ้น