เถ้าแก่น้อยฯแจงเหตุผลกำไรร่วง 11%ไตรมาส 1 ยันตลาดไทยตลาดต่างประเทศไปได้สวย ยอดขายจีนเพิ่ม แนวโน้มผลงานจะดีขึ้น ต้นทุนราคาสาหร่ายลดลง โรงงานใหม่ผลิตมากขึ้น ภาษีลดลง
บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN)เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2561 ว่ามีกำไรสุทธิ 151 ล้านบาท ลดลง 19 ล้านบาทคิดเป็นประมาณ 11.17% จากที่มีกำไรสุทธิ 170 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน
กำไรที่ลดลง มาจากรายได้จากการขายจำนวน 1,335 ล้านบาท เติบโต 19.1% ขยายตัวต่อเนื่องทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ แต่มีกำไรขั้นต้นจำนวน 377 ล้านบาท คิดเป็น 28.8%ของรายได้จากการขายลดลง 6.7% เนื่องจากราคาสาหร่ายปรับตัวสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อกำไรขั้นต้น ตั้งแต่ไตรมาส2ปีที่ผ่านมาเป็นต้นไป และกำไรขั้นต้นต่อยอดขายลดลง 3.4% จากไตรมาส 4 เพราะการรับรู้ต้นทุนโรงงานใหม่ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะทั้งจำนวน และยังมีผลผลิตต่ำกว่าด้วย
“ในปี 2561 ต้นทุนสำคัญ ราคาสาหร่ายมีแนวโน้มลดลงประมาณ 10% ซึ่งจะเริ่มสะท้อนในอัตรากำไรขั้นต้นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป และต้นทุนต่อหน่วยที่มีแนวโน้มลดลงจากกำลังการผลิตโรงงานใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและยอดขายที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลในครึ่งหลังของปี รวมถึงการเริ่มรับรู้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการส่งเสริมการลงทุน ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากสายการผลิตโรงงานโรจนะรวมไม่เกิน 7 ปีตามวงเงินลงทุน ส่งผลให้อัตราภาษีรวมลดลงตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป”
สำหรับตลาดในประเทศเติบโต 14.4% เป็นจำนวน 521 ล้านบาทจากไตรมาส 1แต่ลดลง 7.8%จากไตรมาส 4 ตามฤดูกาล บริษัทมีการเพิ่มสาขาร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์ 2 สาขา ในไตรมาส 1 ทำให้มีสาขารวม 13 สาขาเพื่อรองรับนักท่อเงที่ยวจีน รวมถึงการทำกิจกรรมการตลาดสร้างแบรนด์ ทำให้บริษัทฯมีส่วนแบ่งการตลาดไม่ต่ำกว่า 70%
ส่วนตลาดต่างประเทศมีรายได้จากการขาย 813 ล้านบาทเติบโต 22.4% แต่ละลดลง 15.2%จากไตรมาส 4 สาเหตุสำคัญที่ทำให้เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายจีน คิดเป็นสัดส่วน 42%ของยอดขายรวม รวมถึงตลาดอินโดนีเซีย กลุ่มประเทศ CLMV และสิงคโปร์