กองทุน TFFIF ประเดิมจ่ายปันผล-ลดทุนรับเงิน 15 มี.ค.นี้

HoonSmart.com>> กองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) จ่ายปันผลและลดทุนครั้งแรกรวม 0.0833 บาท/หน่วย มูลค่ากว่า 380 ล้านบาท KTAM พร้อมจ่ายปันผลอีก 4 กองทุน รวมกว่า 1 พันล้านบาท

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) มีมติจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 1/2562 ในอัตรา 0.0744 บาทต่อหน่วย พร้อมทั้งจ่ายเงินลดทุนอีก ในอัตรา 0.0089 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีวันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2561 และจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนพร้อมจ่ายเงินลดทุนของกองทุน TFFIF ในวันที่ 15 มีนาคม 2562 รวมเป็นเงินกว่า 380 ล้านบาท

ชวินดา หาญรัตนกูล

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการจัดการลงทุนของบริษัท มีมติจ่ายเงินปันผลอีก 4 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซี. พี. ทาวเวอร์ โกรท ( CPTGF ) จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 20 ในอัตรา 0.1900 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินกว่า 183 ล้านบาท กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ( EGATIF ) จ่ายเงินปันผล ครั้งที่ 13 ในอัตรา 0.1965 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินกว่า 409 ล้านบาท และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ตลาดไท ( TTLPF) จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 33 ในอัตรา 0.3900 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินกว่า 70 ล้านบาท โดยการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีวันที่ 1 ตุลาคม -31 ธันวาคม 2561 และจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน ในวันที่ 15 มีนาคม 2562

ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทย พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล D ( KT-PIF-D ) จ่ายเงินปันผล สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561 – 30 เมษายน 2562 ผลการดำเนินงานสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มกราคม 2562 ในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย โดยจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยในวันที่ 7 มีนาคม 2562 รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 31 ล้านบาท ในปี 2561 กองทุน KT-PIF-D จ่ายเงินปันผลแล้วทั้งสิ้น 3 ครั้ง รวมอัตรา 0.60 บาทต่อหน่วย ซึ่งนับว่าเป็นกองทุนที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ และมีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ และทรัพย์สินทั้งในและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยปัจจุบันลงทุนในไทย 53% และสิงคโปร์ 42%

จุดเด่นของกองทุนนี้คือ REIT เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนน้อยกว่าหุ้น กองทุนจะเน้นลงทุนในทรัพย์สินที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีอัตราการเช่าอยู่ในระดับสูง มีการกระจายตัวของผู้เช่าที่ดี และมีการจ่ายเงินปันผลสูงอย่างสม่ำเสมอ REIT ในปีนี้น่าจะได้รับปัจจัยบวก จากการที่ตลาดเริ่มคลายความกังวลในเรื่องแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของทั่วโลกน่าจะเข้าใกล้จุดสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา สำหรับผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 YTD (2 ม.ค.- 22 ก.พ.62 ) อยู่ที่ 5.96 % เมื่อเทียบกับ Benchmark อยู่ที่ 4.92 % และย้อนหลัง 1 ปี KT-PIF-Dอยู่ที่ 12.29% Benchmark อยู่ที่ 10.31 % ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลทั้ง 4กองทุน และกองทุนTFFIF คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท