HoonSmart.com>> “ช.การช่าง” กำไร 2.49 พันล้านบาท เติบโต 37% ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนบริษัทร่วมหนุน บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผล 0.30 บาท พร้อมขยายวงเงินออกหุ้นจาก 3.5 หมื่นล้านบาท เป็น 4.5 หมื่นล้านบาท รองรับการลงทุน
บริษัท ช.การช่าง (CK) แจ้งผลประกอบการปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 มีกำไรสุทธิ 2,494.31 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.47 บาท เพิ่มขึ้น 684.30 ล้านบาท หรือ 37.81% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,810.01 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.07 บาท
บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างและการขายวัสดุรวม 29,295.94 ล้านบาท คิดเป็น 93.97% ของรายได้รวม ลดลง 6,626.87 ล้านบาทจากปีก่อนหน้า 18.45% สาเหตุหลักมาจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีเข้าสู่ช่วงปลายโครงการ
ส่วนต้นทุนในการรับเหมาก่อสร้างและการขายวัสดุรวม 26,975.66 ล้านบาท ลดลง 6,112.42 ล้านบาท หรือ 18.47% จากปีก่อนหน้า บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้น 2,320.28 ล้านบาท ลดลง 514.451 ล้านบาท หรือ18.15% อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นของปี 2561 เท่ากับ 7.92% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าซึ่งเท่ากับ 7.89%
นอกจากนี้มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 1,657.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 834.70 ล้านบาท หรือ 101.43% เนื่องจากบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพมีกำไรจากการโอนเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนสุทธิจากภาษี 2,030 ล้านบาท จากการโอนเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนในบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จากบริษัทร่วมเป็นเงินลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขาย อีกทั้งมีกำไรจากการขายเงินลงทุน นอกจากนั้นบริษัทซีเค พาวเวอร์ ผลประกอบการดีขึ้น ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ้างเก็บน้ำของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 เพิ่มขึ้น
คณะกรรมการอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลจากผลดำเนินงานปี 2561 และจากกำไรสะสมในอัตรา 0.30 บาทต่อหุ้น (มูลค่าที่ตราไว้ 1.00 บาทต่อหุ้น) กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล วันที่ 9 พ.ค. 2562 และขึ้น XD วันที่ 8 พ.ค.2562 และจ่ายเงินวันที่ 24 พ.ค. 2562 ทั้งนี้บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วหุ้นละ 0.20 บาท รวมทั้งปี 2561 ให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น 0.50 บาท รวมทั้งสิ้น 846.94 ล้านบาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 1.96% จากราคาหุ้นปิดที่ 25.50 บาท
นอกจากนี้อนุมัติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาขยายวงเงินการออกและเสนอขายหุ้นกู้จำนวนคงค้างไเกิน 45,000 ล้านบาท จากวงเงินดิมไม่เกิน 35,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของบริษัทและเป็นแหล่งเงินทุนเพื่อดำเนินกิจการของบริษัทฯและหรือเพื่อชำระคืนหนี้
คณะกรรมการยังอนุมัติให้ซื้อที่ดินรวมมูลค่า 600 ล้านบาท แบ่งเป็น 7 แปลงย่านลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี มูลค่า 280 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเชิงพาณิชย์ในอนาคต รวมทั้งซื้อที่ดิน 13 แปลง ตั้งอยู่ที่อำเภอบางปะอิน มูลค่า 320 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นศูนย์เครื่องจักรกล เก็บวัสดุ ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างบ้านพักพนักงาน คนงาน