HoonSmart.com>>พลังงานบริสุทธิ์ โกยกำไรเกือบ 5 พันล้านบาท โต 30% จากรายได้รวมเพิ่มขึ้นและกำไรทางบัญชี แต่เฉพาะไตรมาส 4 กำไรลดลง 14% ส่วนแนวโน้มปี 2562 เริ่มก็บเกี่ยวรายได้จากโครงการหนุมาน แบตเตอรี่ฯ ส่งมอบรถไฟฟ้าไปขายที่ลาวปลายปี
บริษัท พลังงานบริสุทธิ์(EA)เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำปี 2561 มีกำไรสุทธิ 4,975 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,158 ล้านบาท เติบโตประมาณ 30% จากที่มีกำไรสุทธิ 3,817ล้านบาทในปี 2560
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์(EA)แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า กำไรที่ดีขึ้นในปี 2561 มาจากรายได้รวม 12,490 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 816 ล้านบาทหรือ 7% จากปีก่อนที่ทำได้จำนวน 11,673 ล้านบาท และมีกำไรทางบัญชีที่เกิดจากการรวมธุรกิจโดยไม่มีการโอนสิ่งตอบแทนสุทธิจำนวน 894 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามหากพิจารณาผลงานเฉพาะไตรมาสที่ 4/2561 มีกำไร 768 ล้านบาท ลดลง 127 ล้านบาท หรือ 14% จากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 895 ล้านบาท เกิดจากรายได้รวมลดลง 6.17% จากจำนวน 2,955 ล้านบาท เหลือจำนวน 2,773 ล้านบาท
คณะกรรมการบริษัทฯ(บอร์ด)มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท รวมเป็นเงิน 932.50 ล้านบาทคิดเป็น 26.75%ของกำไรสุทธิ(งบเฉพาะกิจการ)ให้ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในทะเบียนวันที่ 13 มี.ค.2562 กำหนดจ่ายเงินภายในวันที่ 25 พ.ค. 2562 นอกจากนี้บอร์ดยังมีมติอนุมัติยกเบิกการออกหุ้นกู้วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นปี 2561 แต่บริษัทไม่ได้ออกภายในระยะเวลาที่ขออนุญาต และเสนอขอออกหุ้นกู้ชุดใหม่ วงเงินไม่เกิน 15,000 ล้านบาท เพื่อชำระคืนหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้และใช้ในการดำเนินงาน
ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานในปี 2562 จะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการลงทุนที่มีความคืบหน้ามาก อาทิ โรงไฟฟ้าพลังงานบม จังหวัดชัยภูมิ “โครงการหนุมาน”ขนาดกำลังการผลิต 250 เมกะวัตต์(MW) ณ วันที่ 25 ม.ค. 2562 ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์(COD)ของโครงการหนุมาน 1 และ 8 ขนาดกำลังการผลิตรวม 90 MW ส่วนอีก 3 โครงการ คาดว่าจะเริ่มทยอย COD และรับรู้รายได้ได้ภายในไตรมาส 1/2562 เป็นต้นไป
สำหรับโครงการโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออน ขนาดกําลังการผลิต 50 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง ระยะที่ 1 มีขนาดกําลังการผลิต 1 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง จะเริ่มมีรายได้ในช่วงปลายปี 2562
โครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ณ วันที่ 8 ก.พ.2562 ได้ติดตั้งแล้วเสร็จจํานวน 219 สถานี รวมทั้งสิ้น 584 หัวชาร์จ อยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 สถานี เตรียมเข้าทําการก่อสร้าง 21 สถานี โดยบริษัทฯ ยังคงดําเนินแผนโครงการลงทุนติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าร่วมกับพันธมิตรรายใหญ่ และเปิดรับพันธมิตรรายอื่นๆ ด้วยเป้าหมายการลงทุนติดตั้งสถานีชาร์จ จํานวนรวม 1,000 สถานี
โครงการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) MINE Mobility คาดว่าจะจําหน่ายเชิงพาณิชย์ในช่วงปลายปี 2562 ตามแผนที่วางไว้ ด้วยการตอบรับและความสนใจอย่างล้นหลาม เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2561 บริษัทฯ ได้ลงนามความร่วมมือระหว่างประเทศกับพันธมิตรสปป.ลาว คือ บริษัท สตาร์ยูนิเวอร์แซล เน็ตเวิร์ค (STAR) และบริษัท Petrotrade Puma Energy Distribution Company ร่วมมือในการลงทุนด้านการขนส่งและพัฒนาธุรกิจ สําหรับรถบรรทุก รถไฟฟ้า (รถยนต์และรถเพื่อการพาณิชย์) โดยเบื้องต้น พันธมิตรในสปป.ลาวจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากบริษัทฯ คาดว่าจะเริ่มทยอยส่งมอบได้ตั้งแต่ปลายปี2562 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ลงนามความร่วมมือระหว่างประเทศกับพันธมิตรสปป.ลาว อย่างบริษัท Petrotrade Trading LAO Public Company เพื่อร่วมมือลงทุนด้านพลังงานไฟฟ้า ระบบสายส่ง เหมืองแร่แบตเตอรี่ และอื่นๆ อีกด้วย