“ศุภวุฒิ” จับตา 3 ปัจจัยเสี่ยงกดเศรษฐกิจโลก

HoonSmart.com >> “ดร.ศุภวฒิ” ชี้ 3 ปัจจัยเสี่ยงที่ตลาดยังไม่พูดถึง กดดันเศรษฐกิจ-ตลาดหุ้นทั่วโลก จับตา “เงินเฟ้อสหรัฐ-ขาดดุลงบประมาณสหรัฐ-หุ้นกู้จีนดีฟอล์ท” ด้าน ดร.ยรรยงค์ ชี้เศรษฐกิจโลกชะลอ แต่กำไรบริษัทยังขยายตัว แนะกระจายความเสี่ยงลงทุนประเทศแข็งแกร่ง ส่วนหุ้นไทยระยะสั้น “บล.ไทยพาณิชย์” ชี้หุ้นกลุ่มอาหาร รับผลดีเลือกตั้ง

ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาสถาบันวิจัยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคิน กล่าวในงานสัมมนา “ภาพรวมเศรษฐกิจและมุมมองการลงทุนปี 2019” จัดโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปีนี้มองเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว เงินเฟ้อไม่สูงมากทำให้เฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ยและรออย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากภาพรวมเศรฐกิจโลกไม่ค่อยดี ยุโรปเศรษฐกิจชะลอตัวเกินคาด เช่น เยอรมันและอิตาลี อีกทั้งอังกฤษยังมีความไม่แน่นอนจากการถอนตัวออกจากกลุ่มยุโรป ซึ่งต้องรอ 14 มีนาคม 2562 ว่าจะชะลอเบร็กซิทออกไปหรือไม่ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้เกิดความไม่แน่นอนสูง

“แม้เศรษฐกิจโลกเป็นขาลง แต่ตลาดหุ้นใจชื้นขึ้นหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์มีท่าทีผ่อนปรนลงในการเจรจาการค้ากับจีน แต่ภาพรวมการลงทุนในปีนี้มีความผันผวนสูง ต้องติดตามให้ทันท่วงที”ดร.ศุภวุฒิ กล่าว


สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ตลาดยังไม่ได้มีการพูดถึงในขณะนี้มี 3 เรื่อง คือ 1.เงินเฟ้อของสหรัฐฯ หากเกิน 2% จะทำให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย ปัจจุบัน 2% ตามเป้า ซึ่งดอกเบี้ยสหรัฐปกติต้องเกินเงินเฟ้อ 1% ถ้าเงินเฟ้อ 2% ดอกเบี้ยนโยบายต้อง 3% เป็นต้น 2.การขาดดุลงบประมาณของสหรัฐ ซึ่งปัจจุบันหนี้สาธารณะสูงถึง 22 ล้านล้านเหรียญสหรัฐมากกว่าจีดีพี และแนวโน้มเพิ่มขึ้นตอ่เนื่อง มีความเสี่ยงให้ดอกเบี้ยระยะยาวสหรัฐปรับขึ้นและมีผลระทบต่อการประเมินเศรษฐกิจโดยรวมและตลาดหุ้นยังน่าลงทุนหรือไม่

นอกจากนี้ 3.บริษัทในจีนมีหนี้จำนวนมากมีการออกหุ้นกู้ถึง 18 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าสหรัฐเท่าตัวทั้งที่เศรษฐกิจสหรัฐมีขนาดใหญ่กว่า จึงมีความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ (ดีฟอล์ท) ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทที่รัฐบาลค้ำประกันก็เริ่มเกิดการดีฟอล์ทขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจจีนแนวโน้มชะลอตัวลง

ดร.ยรรยงค์ ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดกลุ่มงาน Economic Intelligence Center ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกแม้จะชะลอตัวลง แต่กำไรบริษัทจดทะเบียนยังขยายตัว แม้จะโตชะลอลง จึงมองการลงทุนยังมีโอกาสให้ผลตอบแทน แต่แนะนำให้กระจายความเสี่ยงลงทุนทั้งหุ้นไทยและต่างประเทศ โดยเลือกประเทศที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันยังต้องจับตาการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

ส่วนเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออก 60% จึงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง โดยคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโต 3.8% ดังนั้นการลงทุนจึงมีความสำคัญมากในปีนี้ โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐ

นายกัมพล จันทวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า นโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองเป็นบวกต่อการบริโภคในประเทศ โดยระยะสั้น โดยระยะยาวมองที่การเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งระยะสั้นหุ้นกลุ่มอาหารได้ผลดี ท่องเที่ยวฟื้นตัว ส่วนกลุ่มที่ได้ประโยชน์ในระยะยาว ได้แก่ กลุ่มขนส่งและนิคม ส่วนกลุ่มที่มีกำไรต่อเนื่อง แต่ไม่ได้สูงมาก ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์กำไรเติบโต 5%

“หากสถานการณ์การเมืองนิ่ง ดอกเบี้ยไม่ได้ปรับตัวขึ้นเร็วมากและสงครามการค้าไม่มีประเด็นใหม่มองเป้าหมายดัชนีปีนี้ที่ 1,700-1,800 จุด โดยภาพรวมเน้นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลและแนะนำนักลงทุนกระจายการลงทุน เพื่อกระจายความเสี่ยง”นายกัมพล กล่าว