HoonSmart.com บางกอกเดค-คอนเตรียมยื่นตลาดหลักทรัพย์ ย้ายหุ้นเข้าเทรดใน SET คุณสมบัติพร้อม ทุนจดทะเบียนทะลุ 538 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นกว่า 1.6 พันล้านบาท ผลการดำเนินงานปี 2561 กำไรสุทธิกว่า 170 ล้านบาท ทุบสถิตินิวไฮนับตั้งแต่เข้าตลาด ผลจากบริหารงานโครงการรัดกุมมากขึ้น ควบคุมต้นทุนตามเป้า ใจป้ำแจกปันผล 0.15 บาท ผลตอบแทนถึง 5%
นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกเดค-คอน (BKD) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจะยื่นเรื่องต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อขอย้ายหุ้น BKD จากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai)ไปจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) โดยใช้เกณฑ์กำไรสุทธิในการยื่น ในปี 2560 บริษัทมีกำไรสุทธิ 332.36 ล้านบาท และล่าสุดปี 2561 มีกำไรสุทธิ 170.40 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตั้งแต่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เมื่อปี 2556 ผลการดำเนินงานมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมั่นใจว่ามีคุณสมบัติเป็นไปตามเกณฑ์ของตลาดฯ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนกว่า 538 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 1,600 ล้านบาท
“การย้ายหุ้นขึ้นไปจดทะเบียนใน SET จะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของบริษัทและเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น จากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ “นางนุชนารถกล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2561 ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทมีกำไรสุทธิ 170.42 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการทำสถิติกำไรจากการดำเนินงานสูงสุด(นิวไฮ)นับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ ส่วนปีนี้ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีการเลือกตั้งคาดว่าจะมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ทั้งของภาครัฐและเอกชนเกิดขึ้น ส่งผลดีต่อภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปีนี้ โดยตั้งเป้ารายเติบโต 10 % จะให้ความสำคัญกับการเติบโตของกำไร มากกว่าที่จะมองเรื่องของรายได้เพียงอย่างเดียว เน้นเลือกรับงานที่ให้ผลตอบแทนที่ดี และมีความเสี่ยงต่ำ
ในปี 2561 กำไรทำนิวไฮ ส่วนปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 332 ล้านบาทนั้น ส่วนใหญ่เป็นกำไรพิเศษจากการขายที่ดิน 293 ล้านบาท คงเหลือกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 38 ล้านบาท
กำไรจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นในปี 2561 เกิดจากต้นทุนจากการบริการจำนวน 880 ล้านบาท ลดลงถึง 518 ล้านบาท คิดเป็น 37% จากปีก่อนที่มีจำนวน 1,399 ล้านบาท เนื่องจากการบริหารงานโครงการมีความรัดกุมมากขึ้น และควบคุมต้นทุนให้เป็นไปตามประมาณการ ขณะเดียวกันมีหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ โอนกลับ จำนวน 2.27 ล้านบาท เทียบกับจำนวน 69 ล้านบาทในปีก่อน ลดลง 67 ล้านบาทคิดเป็น 96% เนื่องจากปี 2560 มีการกลับรายการค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ จากการได้รับชำระหนี้ที่ตั้งเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ และต้นทุนทางการเงินลดลง 0.08 ล้านบาทหรือ 46% เหลือเพียง 0.09 ล้านบาท เพราะเงินเบิกบัญชีลดลง
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้จ่ายปันผลประจำปี 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 5% เทียบกับราคาหุ้นที่ระดับ 2.98 บาท ให้ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในทะเบียนวันที่ 19 เม.ย. กำหนดจ่ายเงินวันที่ 3 พ.ค.2562 ทั้งนี้ จะมีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติในวันที่ 9 เม.ย.2562