บลจ.กรุงไทย เสิร์ฟเทอมฟันด์ลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนจีน ผลตอบแทน 1.15% ต่อปี
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 184 เสนอขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 15 พ.ค.2561 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ Agricultural Bank of China , Bank of China , China Development Bank , Abu Dhabi Commercial Bank , บัตรเงินฝาก Bank of Communications ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 19% ยกเว้นบัตรเงินฝากของ Industrial and Commercial Bank of China Ltd. 5% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.15% ต่อปี โดยบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย และกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
ทั้งนี้ ผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ระยะยาวทั้งในไทยและต่างประเทศมีแนวโน้มที่จะปรับตัวผันผวนตามปัจจัยต่างประเทศ โดยปัจจัยหลักมาจากการคาดการณ์ของนักลงทุนเกี่ยวกับจำนวนครั้งในการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ( Fed) ซึ่งจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวดี การจ้างงานดี และเงินเฟ้อขยายตัวรวดเร็ว ทำให้ตลาดกังวลว่าFedอาจขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้มากกว่า3 ครั้ง และจากความกังวลดังกล่าวทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุคงเหลือ 10 ปี (UST10Y) มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.03% ต่อปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี ก่อนที่จะปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 2.97% ต่อปี หลัง Fed ในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 1-2 พ.ค.2561 ยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50%-1.75% ต่อปี และยังไม่ส่งสัญญาณว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้ง ในปีนี้ ซึ่งขึ้นไปแล้ว 1 ครั้งเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ตลาดมองว่าอัตราผลตอบแทนในระดับดังกล่าวได้สะท้อนภาพ (Price in) ของการขึ้นดอกเบี้ยไปมากแล้ว
ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ต่างประเทศ แต่จะปรับขึ้นในระดับที่น้อยกว่า เนื่องจากการที่ยังคงมีสภาพคล่องส่วนเกินเหลืออยู่ในระบบการเงินจำนวนมาก ในขณะที่ตราสารหนี้ออกใหม่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของนักลงทุน และคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ยังมีแนวโน้มที่จะคงดอกเบี้ยนโยบาย (R/P 1วัน) ไว้ที่ 1.50% ต่อปี ตลอดปี 2561
สำหรับอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศ อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 bps. อยู่ที่ 1.55% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1 bps. อยู่ที่ 1.96% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 bps. อยู่ที่ 2.64% ต่อปี ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 bps. มาอยู่ที่ 2.51% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง 2 bps. อยู่ที่ 2.78% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 1 bps. อยู่ที่ 2.95% ต่อปี สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามจะเป็นตัวเลขเศรษฐกิจ การดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจ การค้า และการเมืองของสหรัฐอเมริกา รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ