TRUBB เปิดกลยุทธ์ ดันยอดขาย 1.8 แสนตัน ส่ง “เลเท็กซ์ฯ” เข้า mai หลังเลือกตั้ง

HoonSmart.com >> ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) หรือ TRUBB ผู้นำธุรกิจน้ำยางพาราข้นรายใหญ่ติด 1 ใน 5 ของไทย มีกำลังการผลิตสูงสุด 2.5 แสนตันต่อปี พร้อมแข่งขันด้านราคาดึงลูกค้าเก่ากลับ เจาะหาลูกค้าใหม่และสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง เพื่อผลักดันยอดขายขึ้นไปถึงเป้าหมาย 1.8 แสนตัน เติบโตประมาณ 15-20% และราคายางที่มีแนวโน้มดีขึ้นหนุนกำไรดีกว่าปีก่อน หาจังหวะส่งบริษัทย่อย”เลเท็กซ์ ซิสเทมส์” เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) หลังเลือกตั้ง คาดตลาดหุ้นจะสดใส

“ภัทรพล วงศาสุทธิกุล” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คคอร์ปอเรชั่น ให้สัมภาษณ์กับ www.HoonSmart.com ว่า บริษัทสูญเสียลูกค้าไปบางส่วนในปี 2561 ที่ผ่านมา เพราะธุรกิจมีการแข่งขันด้านราคาเป็นอย่างมาก ดังนั้นในปีนี้ จึงได้วางกลยุทธ์ดึงลูกค้าเก่ากลับมา พร้อมที่จะแข่งขันในทุกด้านรวมถึงราคา ขณะเดียวกันก็จะหาลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาเพิ่ม ผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการรุกเข้าไปตลาดที่นอน และหมอนมากขึ้น ซึ่งจะผลักดันให้บริษัทมียอดขาย 1.8 แสนตัน เพิ่มขึ้นประมาณ 15-20%

ภัทรพล วงศาสุทธิกุล

“เป้าหมายที่เราตั้งไว้ เชื่อว่าทำได้ เมื่อดูจาก 2 เดือนนี้มีแนวโน้มเป็นบวก จริงๆ แล้วยอดขายของบริษัทเราก็ดีมาต่อเนื่อง อย่างปีที่แล้ว ถามว่าเศรษฐกิจดีไหม ก็ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ว่าไทยรับเบอร์ฯ ก็สามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ เติบโต 10-15% ขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 1.5 แสนตัน เมื่อเทียบกับปี 2560 เรามียอดขายอยู่ที่ประมาณ 1.35 แสนตัน”กรรมการผู้จัดการใหญ่ TRUBB กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายภัทรพล ยอมรับว่า กำไรในปี 2561 จะต่ำกว่าปี 2560 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคายางที่ปรับตัวลง เพราะสงครามการค้า ทำให้ความต้องการในจีนลดลง แต่สถานการณ์สงครามการค้าเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น จะเห็นได้จากราคายางในตลาดโลกเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 /2561 จึงคาดว่ากำไรในปี 2562 จะกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น ส่วนแผนลงทุนในปีนี้บริษัทจะทำแท็งก์จัดเก็บน้ำยางเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 หมื่นตันจากปัจจุบันจัดเก็บได้ประมาณ 3.5-4 หมื่นตันต่อปี

ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการขายในประเทศ 60% และส่งออกต่างประเทศ 40% โดยตลาดหลักต่างประเทศได้แก่ตลาดจีน คิดเป็น 40% ของสัดส่วนการส่งออก เพราะเป็นตลาดใหญ่ มีความต้องการมาก ขณะเดียวกันบริษัทก็มองหาตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วยทั้งในเอเซีย และยุโรป เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง โดยน้ำยางพาราข้นสามารถที่จะนำไปใช้ทำถุงมือยาง เส้นด้ายยางยืด และถุงยางอนามัยได้

บริษัทมีโรงงาน 6 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ แบ่งเป็นพื้นที่ภาคใต้ 3 แห่ง ภาคตะวันออก 2 แห่งและภาคเหนือ 1 แห่ง และยังมีการปลูกสวนยางพาราประมาณ 1 หมื่นไร่ เพื่อป้อนให้กับโรงงานของบริษัท แต่ก็ยังไม่เพียงพอจึงต้องมีการนำเข้าวัตถุดิบยางพาราจากภายนอกอีกประมาณ 90% และมีโรงงานผลิตน้ำยางข้นที่ประเทศเมียนมา บริษัทฯถือหุ้น 50%ร่วมทุนกับพันธมิตรในเมียนมา ที่เป็นเจ้าของสวนยางพารา โรงงานมีกำลังการผลิตหลัก 100 ตันต่อเดือน สินค้าเกือบทั้งหมดจะส่งไปขายยังประเทศจีน

“วรเทพ วงศาสุทธิกุล” ประธานกรรมการ TRUBB กล่าวว่า หุ้น TRUBB จะเหมือนกับหุ้นที่ทำธุรกิจยางพาราที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เช่นหุ้นบริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) และบริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ ( NER) ที่เป็นหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ หรือคอมมูนิตี้ สภาพคล่องจึงมีไม่มาก ส่วนราคาหุ้นขึ้นอยู่กับราคายางพารา ซัพพลายและดีมานด์ในตลาดโลก ถ้าช่วงไหนมีเหตุการณ์ที่ทำให้ราคายางปรับเพิ่มขึ้น หุ้น TRUBBที่เป็นคอมมูนิตี้ก็จะปรับขึ้นตาม

วรเทพ วงศาสุทธิกุล

“ในช่วงปี 1988 ซึ่งเป็นช่วงที่มีความกังวัลเรื่องโรคเอดส์ มีการผลิตถุงยางอนามัยเป็นจำนวนมาก ซัพพลายน้ำยางขาดไป จำนวนไม่พอ ราคาหุ้นเราก็ปรับตัวขึ้นไปสูงมากในช่วงนั้น หรืออย่างในเหตุการณ์ภาคใต้ของไทยเมื่อปลายปี 2559 ฝนตกหนักใน 14 จังหวัด กระทบกับยางราคาที่ปลูกได้รับความเสียหาย ราคาหุ้นเราก็ปรับตัวขึ้นมามาก”

นำ “เลเท็กซ์ ซิสเทมส์” เข้า mai ปีนี้

ส่วนความคืบหน้าในการนำบริษัทเลเท็กซ์ ซิสเทมส์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) วรเทพ กล่าวว่า บริษัทได้ยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)แล้ว ซึ่งได้มาตรวจสอบกิจการเมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา หากได้รับการอนุมัติก็จะรอจังหวะที่เหมาะสม มองว่าหลังการเลือกตั้ง ทิศทางตลาดหุ้นน่าจะดีขึ้น นักลงทุนน่าจะมีความมั่นใจมากขึ้น ก็อาจจะขายหุ้นในช่วงหลังเลือกตั้งก็ได้

“ตามเกณฑ์หลัง ก.ล.ต.อนุมัติ จะให้เวลาขายหุ้น IPO 6 เดือน เราก็ต้องดูเวลาที่เหมาะสม ในปีนี้หุ้นใหม่ 2 ตัวที่เข้าไปซื้อขายในตลาด ราคาก็ต่ำกว่าจอง เราจึงต้องดูจังหวะที่เหมาะสมของตลาดคิดว่าปีนี้น่าจะเข้าได้ ประเมินว่าหลังการเลือกตั้งทุกอย่างน่าจะดีขึ้น”ประธานกรรมการ TRUBB กล่าว

บริษัท เลเท็กซ์ฯ อยู่ภายใต้ปีกของบริษัทแม่ หากจะขยายกิจการก็ต้องอาศัยแม่ ดังนั้นการนำเลเท็กซ์ฯ เข้าตลาดหุ้น สามารถขยายธุรกิจด้วยตัวเองได้ ตอนนี้ธุรกิจที่นอน และหมอนยางพาราก็กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น จำเป็นต้องใช้เงินทุนขยายธุรกิจ ส่วนบริษัทแม่เองก็ได้ประโยชน์ เพราะเมื่อเข้ามาซื้อขายแล้ว มูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้น บริษัทแม่ก็มีความมั่นคงเพิ่มขึ้นด้วย

ประธานกรรมการกล่าวว่า ทิศทางเครื่องนอนอยู่ในช่วงขาขึ้น ตลาดใหญ่ที่สุดอยู่ในจีน ประเทศที่มีคนรวยเยอะ กล้าใช้จ่ายเงินซื้อของแพง มีคุณภาพ โดยเฉพาะที่นอน และหมอนยางพาราที่เป็นธรรมชาติ 100% ดีต่อสุขภาพ เปรียบเทียบกับยางสังเคราะห์ที่เป็นยางเทียม จึงเป็นไปได้ที่ตลาดจะเติบโต จริงๆ แล้ว โดยเฉพาะประเทศที่เป็นเมืองหนาวที่นอนเหล่านี้ช่วยได้ นอกจากตลาดส่งออกจีนแล้ว ก็ยังมีส่งออกไปยังรัสเซีย เกาหลี ยุโรป สหรัฐก็มีบ้างเล็กน้อย ส่วนตลาดในไทยก็มีขายสินค้าด้วยเช่นกัน

เงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO วางแผนว่าจะนำไปใช้ก่อสร้างโชว์รูม, เป็นเงินทุนสำหรับขยายธุรกิจในอนาคต, ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน จากการลงทุนซื้อโรงงานในจังหวัดระยอง และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

“วรเทพ” กล่าวตอนท้ายว่า นอกจากบริษัท เลเท็กซ์ ซิสเทมส์ ที่จะเข้ามาเป็นหุ้นน้องใหม่ในตลาด mai แล้ว ทาง TRUBB ยังมีแผนที่จะนำบริษัทย่อย ที่ทำธุรกิจเส้นด้ายยางยืด เข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทต่อไปในอนาคต เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของกลุ่มไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอร์เรชั่นฯในระยะยาว