โดย…สาธิต บวรสันติสุทธิ์, CFP
ถามหน่อยเหอะ เราเล่นหุ้นไปเพื่ออะไร แน่นอนครับ ทุกคนต้องบอกเพื่อกำไร แล้วอะไรคือ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจซื้อขาย คำตอบคงมีหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นเพราะราคาต่ำกว่ามูลค่า ดูกราฟแล้วนี่คือ จุดซื้อ หรือ จุดขาย หรือ อาจจะซื้อจะขายก็เพราะได้ข่าวมาจะเป็นข่าวจริง ข่าวเท็จ ข่าววงใน ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ทุกคนซื้อ เพราะเชื่อว่าจะสามารถขายได้แพงกว่าที่ซื้อ ส่วนคนที่ขาย ก็เพราะเชื่อว่าขายได้ราคาดีที่สุด ไว้ขายเสร็จ หุ้นก็จะราคาตก แล้วไปรอซื้อตอนราคาถูก หรือสรุปง่ายๆ ก็คือ เราโคตรฉลาดเลย ซื้อถูกแล้วไปขายแพงให้คนที่โง่กว่า แล้วก็ไปรอซื้อถูกจากคนที่โง่กว่าที่ไม่รู้ว่าหุ้นตัวนี้ราคากำลังจะขึ้นอีกที มองแล้วกำไรเห็นๆ
พฤติกรรมแบบนี้เป็นพฤติกรรมพื้นฐานของการลงทุนจนเกิดเป็นทฤษฎีมีคนโง่กว่า ซึ่งบอกไว้ว่า พฤติกรรมการลงทุนไม่ว่าจะซื้อหรือขายของเราทุกคนเป็นเพราะเราเชื่อว่าจะมีคนที่โง่กว่าเราเสมอ อย่างเช่น ซื้อ ก็เพราะเชื่อว่าจะมีคนที่โง่กว่ามาซื้อต่อ เป็นต้น อ้าว แล้วทำไมเวลาเราซื้อหุ้นตัวไหน หุ้นตัวนั้นราคามักจะลงตลอด แต่เวลาขายไปแล้ว ทำไมหุ้นราคามันไม่ขึ้น ตอนแรกก็นึกว่าคงไม่มีดวงในการเล่นหุ้นแล้ว แต่ไปถามเพื่อนๆหลายๆคน ก็มีอาการเดียวกันหมด จนคิดจะตั้งพอร์ตอีกพอร์ตสำหรับซื้อหุ้นที่ทุกคนในกลุ่มคิดจะขาย และขายหุ้นที่ทุกคนในกลุ่มคิดจะซื้อ เผื่อจะได้มีกำไรกับเขาบ้าง
ที่เป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ทฤษฎีนี้ผิดนะครับ สังเกตให้ดีนะครับ ทฤษฎีนี้บอกว่า “เพราะเราเชื่อว่าจะมีคนที่โง่กว่า” ไม่ได้แปลว่า มีคนที่โง่กว่าเราจริงๆ เป็นแค่เราเชื่อว่าจะมีคนที่โง่กว่าเราเท่านั้น คนอื่นๆก็คิดแบบเดียวกับเราเหมือนกัน ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครโง่กว่าใครเท่านั้น คนที่ฉลาดกว่าก็จะประสบความสำเร็จในการลงทุนมากกว่า
คนที่โง่กว่าในการลงทุน มักจะเป็นคนที่ซื้อเพราะเชื่อว่าราคาจะขึ้นไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดเลยว่าราคาที่ซื้ออยู่นั้นสูงเกินกว่ามูลค่าที่แท้จริงไปมากแล้ว
คนที่โง่กว่าในที่นี้ไม่ได้หมายถึงระดับสติปัญญาต่ำกว่า สำหรับผมแล้ว ผมเชื่อเสมอว่าคนทุกๆคนเก่งพอๆกัน แต่ที่ต่างกัน คือ เก่งคนละเรื่อง คนที่เก่งในเรื่องการเงิน ก็อาจเป็นคนโง่ในเรื่องแฟชั่น ก็เป็นไปได้ ไม่มีใครหรอกครับที่จะเก่งทุกเรื่อง แต่ในทุกๆเรื่อง คนที่เก่งในเรื่องนั้นๆมักจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่นๆเสมอ
ในเรื่องการลงทุนในหุ้นก็เช่นกัน คนที่เก่งกว่าก็มักจะเป็นคนที่มีความรู้มากกว่า มีข้อมูลดีกว่า มีเวลามากกว่า
ดังนั้นหากเทียบนักลงทุน 4 กลุ่มที่ทุกสิ้นวันจะมีตัวเลขบอกยอดซื้อ ยอดขาย ได้แก่นักลงทุนสถาบัน (เช่น พวกกองทุนรวม) นักลงทุนต่างประเทศ พอร์ตบริษัทหลักทรัพย์ นักลงทุนทั่วไป ใน 4 กลุ่มนี้ เราคิดว่านักลงทุนกลุ่มไหนน่าจะเป็นคนที่ฉลาดในเรื่องหุ้นมากที่สุด และกลุ่มไหนน่าจะเสียเปรียบในเรื่องการลงทุนในหุ้นมากที่สุด
สำหรับผมแล้ว ถ้าให้เรียงลำดับความได้เปรียบเสียเปรียบ ผมให้นักลงทุนต่างประเทศได้เปรียบสุด รองลงมา คือ พวกสถาบันในประเทศไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวม หรือ พอร์ตบริษัทหลักทรัพย์ ส่วนคนที่เสียเปรียบมากที่สุดก็คือ นักลงทุนทั่วไป ดังนั้น ผมไม่ค่อยเชื่อหรอกครับว่า นักลงทุนต่างประเทศ หรือ พวกสถาบันในประเทศแพ้หรือเสียทีนักลงทุนรายย่อย
แต่ก็มีหลายครั้งเหมือนกันที่เรามักจะได้เห็นข้อมูลผลการดำเนินงานที่ประกาศออกมา ว่า พวกนักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนก็ขาดทุนเหมือนกันในบางปี แต่นั่นกลับทำให้ผมนึกถึงคำพูดของ Warren Buffett ที่ว่า “ต่อเมื่อน้ำลงเท่านั้น ที่ทำให้เรารู้ว่าใครบ้างที่เปลือยกายว่ายน้ำ” คือ รอให้ผ่านวิกฤติไปก่อนจริงๆ ถึงจะรู้ว่าใครคือคนที่เก่งจริง
สำหรับตัวผมเอง ยอมรับเลยครับว่าเรื่องการลงทุนยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ ถ้าอยากสำเร็จ ก็เกาะคนสำเร็จไปด้วยจะดีกว่า ผมเลือกลงทุนในกองทุนรวมครับ