บลจ.ทหารไทยตั้งเป้า AUM ปี’ 62 แตะ 5แสนล.

บลจ.ทหารไทย ตั้งเป้า AUM ปี 62 แตะ 5 แสนล้านบาท เล็งออกกองทุนหุ้นอินเดีย เพิ่มทางเลือกลงทุนครบด้าน ส่วนเฟดขึ้นดอกเบี้ยคาดกดตลาดผันผวนระยะสั้น เหตุเศรษฐกิจโลกดีขึ้นหนุนเศรษฐกิจไทย

นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย (TMBAM) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนออกกองทุนใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมและตอบสนองความต้องการผู้ลงทุนอย่างครบถ้วน โดยเตรียมออกกองทุนใหม่ลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียในเดือนมิ.ย.นี้ เนื่องจากมองเศรษฐกิจอินเดียเติบโตต่อเนื่องและเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่และเชื่อว่าอินเดียมีโอกาสที่ดีในอีก 10 ปีข้างหน้า

สำหรับแนวโน้มการเติบโตของมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ของบริษัทในปี 2561 อาจไม่ได้เติบโตสูงเหมือนปีที่ผ่านมาเติบโตประมาณ 40% เนื่องจากปัจจัยลบในตลาดมีมากขึ้นและแนวโน้มดอกเบี้ยของสหรัฐอยู่ในช่วงขาขึ้น ส่งผลให้กองทุนของบริษัทที่เติบโตค่อนข้างมากในปีที่ผ่านมาในจังหวะที่ดอกเบี้ยยังต่ำมีเงินไหลเข้าค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ
กองทุน Global Income Fund

“แนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯเตรียมปรับเพิ่มขึ้นอีก 2-3 ครั้ง หลังจากเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยการขึ้นดอกเบี้ยจะมีผลกระทบโดยตรงต่อตลาดเงินและตลาดทุน แต่ในความเป็นจริงสิ่งที่ยังเป็นพื้นฐานคือเศรษฐกิจโดยรวมของโลกกำลังเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น ดังนั้นคาดว่าความผันผวนที่เกิดขึ้นเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น และเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยได้รับผลดีจากเศรษฐกิจโลกดีขึ้น”นายสมจินต์ กล่าว

อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนขยาย AUM แตะ 5 แสนล้านบาทในปี 2562 ซึ่งวางเป้่าหมายตั้งแต่ปี 2560 ขณะที่ปัจจุบัน AUM เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.2 แสนล้านบาท โดยกองทุนในตระกูล “ธนแฟมิลี่” จากการริเริ่มนำเสนอกองทุนประเภทตราสารหนี้ระยะสั้น (Short-term Fixed Income Fund) ที่ยกระดับของผลตอบแทนให้สูงกว่ากองทุนรวมตลาดเงินแต่ยังคงสภาพคล่องที่สูง (T+1) ซึ่งที่รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนกองทุนเปิดทหารไทย ธนพลัส มี AUM ใกล้แสนล้านบาท

ส่วนกองทุนใหม่ กองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูนกับ AUM อยู่ที่ 34,000 ล้านบาท เมื่อรวมทั้งตระกูล “ธนแฟมิลี่” ทั้ง 7 กองทุนแล้วมี AUM ประมาณ 222,000 ล้านบาท (ณ 3 พ.ค.61) นับเป็นหนึ่งในตัวอย่างของการบริหารกองทุนตราสารหนี้ในสไตล์แอคทีฟe ของ TMBAM เพื่อสร้างประสิทธิภาพของผลตอบแทนควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ

สำหรับการบริหารกองทุนหุ้นไทย โดยเฉพาะกองทุนทหารไทย SET50 ซึ่งออกมา 17 ปีที่ผ่านมาจาก NAV เริ่มต้นที่ 10 บาท เติบโตขึ้นเป็น 110 บาท (ณ 3 พ.ค. 61) นั้น TMBAM ยังคงยึดมั่นแนวทางการบริหารกองทุนหุ้นไทยในสไตล์ Passive ที่มีค่าธรรมเนียมการจัดการที่เหมาะสมโดยเชื่อมั่นว่ากองทุนหุ้นไทยสไตล์ Passive ที่บริหารอยู่นั้นยังมีความเหมาะสมยิ่งเมื่อลงทุนในลักษณะ DCA (Dollar-Cost Averaging) เพื่อการสะสมความมั่งคั่งอย่างต่อเนื่องและเพื่อผลสำเร็จในระยะยาว

นายสมจินต์ กล่าวว่า สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ TMBAM ยังคงยึดมั่นและเป็นผู้นำในการนำเสนอสิ่งที่สำคัญที่สุดให้แก่สมาชิกโซลูชั่นการลงทุนแบบ TMBAM M Choice ช่วยเพิ่มศักยภาพของสมาชิกแต่ละรายให้สามารถจัดทัพลงทุนตามความเสี่ยงที่ตนยอมรับได้ ปรับพอร์ตและสับเปลี่ยนกองทุนของตนได้อย่างอิสระตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้มีเงินเพียงพอยามเกษียณ ทำให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ TMBAM M Choice ซึ่งจดทะเบียนแล้ว สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ ประเภทกองทุนร่วม (Pooled Fund) ที่มีขนาดกองทุนมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สามปีติดต่อกัน (ปี 58-60) ในโครงการประกวดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพดีเด่น จัดโดยสมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

หัวใจสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับการลงทุนยุคใหม่คือการให้ข้อมูลที่มีคุณภาพ เข้าใจง่าย เข้าถึงได้สะดวก TMBAM จึงได้พัฒนาโปรแกรม “My Dream” โดยเริ่มพัฒนาขึ้นตั้งแต่ 4-5 ปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้ลูกค้ากองทุนรวม “เพื่อนคู่คิด” ในการลงทุน โดยโปรแกรมจะช่วยจำลองผลการลงทุนในอนาคต ให้คำแนะนำพอร์ตลงทุนที่เหมาะสมกัลความเสี่ยงทางการลงทุนของแต่ละบุคคล โปรแกรมนี้ยังสามารถติดตามผลระหว่างทางจนกว่าการลงทุนจะบรรลุถึงเป้าหมาย และยังได้ออกแบบโปรแกรมที่ช่วยคาดการณ์ความพอเพียงยามเกษียณให้กับสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพผ่านโปรแกรม “RetireRich Simulator” สำหรับประชาชนทั่วไป TMBAM เชื่อว่าโปรแกรมการลงทุนที่มีมาตรฐานและหลักการรองรับข้างต้นเป็นโซลูชั่นการลงทุนที่มีคุณภาพ และเชื่อว่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยให้ประชาชนสามารถยกระดับฐานะทางการเงินได้ในหนึ่งรุ่นคน