บริษัทร่วมทุนในกลุ่มเซ็นทรัล เปิดตัว Dolfin Wallet กระเป๋าเงินดิจิทัล ได้ธนาคารกรุงเทพและกสิกรไทย เป็นพันธมิตร มั่นใจมีผู้ใช้ 10 ล้านรายใน 3-4 ปี เผยปีนี้เปิดบริการชำระเงินด้วยใบหน้า
นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค เปิดเผยว่า เร็วๆ นี้ บริษัท เซ็นทรัล เจดี มันนี่ ในเครือบริษัท เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค จะสามารถเปิดให้บริการแอปพลิเคชัน ดอลฟิน วอลเล็ท (Dolfin Wallet) ที่เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยใช้นวัตกรรมของ JD Digital ผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัลจากประเทศจีน และความเชี่ยวชาญของกลุ่มเซ็นทรัล บริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
“ขณะนี้ แอปพลิเคชัน ดอลฟิน วอลเล็ท อยู่ในช่วงเตรียมความพร้อมขั้นสุดท้าย โดยจะเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ หลังจากที่ได้รับอนุญาตจากทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้ว โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้งาน 4-5 ล้านรายใน 12 เดือนแรก และเพิ่มเป็น 10 ล้านรายใน 3-4 ปี” นายรุ่งเรือง กล่าว
ทั้งนี้ บริษัท เซ็นทรัล เจดี มันนี่ เป็นบริษัทในเครือของ เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นการร่วมทุนกลุ่มเซ็นทรัล กับ เจดี ดอทคอม (JD.com) บริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีนและใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก และเจดี ดิจิทัล (JD Digital) ผู้นำด้านเทคโนโลยีฟินเทคระดับโลกของประเทศจีน โดยมีมูลค่าการร่วมทุนกว่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ภายในปีนี้ บริษัท เซ็นทรัล เจดี มันนี่ จะเปิดให้บริการฟังก์ชันการชำระเงินด้วยใบหน้า (Face Payment) ซึ่งเป็นวิธีการชำระเงินที่สะดวกและปลอดภัยสูงสุดในการชำระเงิน รวมถึงในอนาคตยังมีแผนการเปิดบริการด้าน E-Consumer Finance
เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2562 บริษัท เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค โฮลดิ้ง ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกสิกรไทย ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือด้านเทคโนโลยีฟินเทค
นายรุ่งเรือง กล่าวอีกว่า “ด้วยความร่วมมือของธนาคารกรุงเทพและธนาคารกสิกรไทย ผนึกกับแรงสนับสนุนจากกลุ่มเซ็นทรัล จะช่วยให้ดอลฟิน วอลเล็ท กลายเป็น Super e-Wallet ที่มอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานได้ยอดเยี่ยมกว่าใคร พร้อมรองรับการซื้อสินค้าและทำธุรกรรมต่างๆ ได้อย่างครอบคลุมทั้งที่ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าทั่วประเทศ ทั้งในเครือเซ็นทรัล และเครือข่ายร้านค้าพันธมิตรอีกมาก”
Dolfin Wallet เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลรายแรกที่รองรับการชำระและโอนเงินทุกช่องทาง ทั้งผู้กับบัญชีธนาคาร บัตรเดบิต และบัตรเครดิต การเติมเงินสดผ่านเคาน์เตอร์ CenPay และพร้อมเพย์ โดยใช้ระบบการยืนยันตัวตนผู้ทำธุรกรรมที่เชื่อมโยงกับแอปพลิเคชันของธนาคารพันธมิตรทั้งสองแห่ง
นอกจากนี้ Dolfin Wallet ยังเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลรายแรกที่นำระบบ E-KYC (electronic know-your-customer) มาใช้ในการยืนยันตัวตนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและช่วยลดขั้นตอนในการลงทะเบียนเปิดบริการ โดยผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งการจดจำใบหน้า (face recognition) และการอ่านตัวอักษรจากภาพถ่าย (OCR – optical character recognition) เพื่อยืนยันตัวตนของผู้ใช้งานจากภาพเซลฟี่และภาพถ่ายบัตรประชาชน โดยไม่ต้องมีการยื่นเอกสารในช่องทางอื่น
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ (BBL) กล่าวว่า ในความร่วมมือครั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพจะให้บริการสนับสนุน Dolfin Wallet ในการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ การเชื่อมโยงบริการพร้อมเพย์เข้ากับ Dolfin Wallet และระบบการยืนยันตัวตนผู้ใช้
“ผู้ใช้บริการสามารถใช้ Dolfin Wallet สแกนคิวอาร์โค้ดชำระค่าสินค้ากับร้านค้าที่รับพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด ซึ่งมีจำนวนกว่า 3 ล้านร้านค้าทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด” นายจรัมพร กล่าว
นายวีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า นอกจากสนับสนุนด้านธุรกรรมทางการเงินกับผู้ใช้บริการ Dolfin Wallet แล้ว ธนาคารกสิกรไทยยังช่วยผลักดันด้านการขยายร้านค้า และจุดรับชำระเงินด้วยอี-เพย์เมนท์ ซึ่งเป็นการช่วยขยายวงจรธุรกิจการรับชำระเงิน (Payment Ecosystem) ขอ Dolfin Wallet ให้ครบสมบูรณ์ โดยอาศัยจุดแข็งของธนาคารด้านความเป็นผู้นำธุรกิจร้านค้ารับบัตร
ในปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีจำนวนร้านค้าที่รับชำระเงินผ่านเครื่อง EDC กว่า 300,000 จุด และร้านค้า K PLUS Shop อีกกว่า 1.7 ล้านราย การสนับสนุนนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มร้านค้าที่จะมีทางเลือกในการรับชำระเงินมากขึ้น และกลุ่มลูกค้าก็จะมีทางเลือกในการชำระเงิน และสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ได้หลากหลายขึ้นด้วย