หุ้นไอพีโอฟื้น ตลาดหลักทรัพย์เผยมีบริษัทจำนวนมากจ่อคิวเข้าซื้อขาย เผย มี 3 บริษัทใหญ่ คาด PTTOR มาร์เก็ตแคป 1 แสนล้านบาท BAM มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท ส่วน DO มากกว่า 1 หมื่นล้านบาท ได้รับอนุมัติไฟลิ่งตั้งแต่ต.ค.ที่ผ่านมา ดึงเรื่องไว้ พร้อมเข้าเทรดปีนี้
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้มีหุ้นไอพีโอจำนวนมากอยู่ในขบวนการยื่นเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ 3 บริษัท ซึ่งบริษัทแต่ละแห่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหรือมาร์เก็ตแคปประมาณ 10,000 ล้านบาท ส่วนจะเข้าซื้อขายภายในปีนี้หรือไม่ ยังตอบไม่ได้ เนื่องจากขึ้นอยู่หลายปัจจัย เช่น แผนการใช้เงินทุน และภาวะตลาดหุ้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ภาวะตลาดโดยรวมมีความรู้สึกดีขึ้น เชื่อว่าสถานการณ์หุ้นไอพีโอจะดีขึ้นด้วย หลังจากที่หุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai) 2 บริษัทในปีนี้ ขายหุ้นไม่หมด
สำหรับหุ้นที่ประเดิมเข้าซื้อขายในปี 2562 ได้แก่ บริษัท เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ (SAAM) เสนอขายไอพีโอในราคาหุ้นละ 1.80 บาท ราคาวันแรกปิดที่ 1.52 บาท ต่ำกว่าจองประมาณ 15.56% ล่าสุดวันที่ 25 ม.ค. ปิดที่ 1.50 บาท ตามด้วย บริษัท ซี เอ แซด (ประเทศไทย) หรือ CAZ เปิดซื้อขายต่ำกว่าจอง แต่สามารถปิดวันแรกที่ 3.90 บาทเท่ากับไอพีโอ ล่าสุดวันที่ 25 ม.ค.ปิดที่ 3.80 บาท
ส่วนหุ้นที่เข้าซื้อขายในปี 2561 โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4 ราคาต่ำกว่าจองหลายตัว แต่ภาวะตลาดที่ดีขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สนับสนุนให้ราคาหุ้นพ้นจอง เช่น บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น (TQM) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)ในราคาไอพีโอที่ 23 บาท ล่าสุดวันที่ 25 ม.ค. 2562 ปิดที่ 24.40 บาท บวก 1 บาท คิดเป็น 4.27% บริษัท โอสถสภา (OSP)ไอพีโอ 25 บาท ราคาล่าสุดปิดที่ 25.50 บาท
หุ้นที่เข้า mai บริษัท เอสไอเอสบี (SISB)ไอพีโอที่ 5 บาท ราคายังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ปิดที่ 5.30 บาท บวก 0.20 บาทหรือ 3.92% แต่มีหุ้นหลายตัวที่ราคายังคงปรับตัวลงต่ำกว่าราคาไอพีโอ เช่น บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER)
แหล่งข่าวจากวงการวาณิชธนกิจ กล่าวว่า หุ้นขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ในปี 2562 ได้แก่ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (PTTOR) คาดมาร์เก็ตแคปประมาณ 1 แสนล้านบาท บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด หรือ BAM ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ NPL และ NPA มีมูลค่าหลักทรัพย์ประมาณ 50,000 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองบริษัทรอผลกำไรสุทธิปี 2561 ที่จะออกมาประมาณเดือนเม.ย.-พ.ค. 2562 ก่อนปรับปรุงข้อมูล เพื่อยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) คาดว่าจะเข้าซื้อขายในไตรมาส 3 นี้
บริษัท ดูโฮม (DO) ซึ่งไฟลิ่งได้รับอนุมัติเมื่อเดือนต.ค.2561 ที่ผ่านมา แต่ได้ชะลอการขายหุ้น คาดว่าพร้อมจะขายและเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในเร็วๆนี้ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดประมาณ 10,000 ล้านบาท ทั้งนี้ DO จะเสนอขายไอพีโอ 524.16 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท มีบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร , บริษัท หลักทรัพย์ กสิกรไทย เป็นปรึกษาทางการเงิน
บริษัท DO ดำเนินธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง และให้บริการด้านวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด “ครบ ถูก ดี…ที่ดูโฮม” มีสาขาที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 9 สาขา ได้แก่ อุบลราชธานี นครราชสีมา รังสิต ขอนแก่น อุดรธานี พระราม2 บางบัวทอง เชียงใหม่ และบางนา
บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น(ZEN)เตรียมขายไอพีโอ 75 ล้านหุ้น เข้า SET ในไตรมาส 1 ดำเนินธุรกิจถือหุ้นในบริษัทอื่น (โฮลดิ้ง) ที่มุ่งเน้นการลงทุนในบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ภายใต้แบรนด์ ZEN, Musha by ZEN, Sushi Cyu Carnival Yakiniku, AKA, Tetsu, On the Table Tokyo Cafe, ตำมั่ว, ลาวญวณ, แจ่วฮ้อน, เฝอ, de Tummour และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่น ได้แก่ ธุรกิจบริการจัดส่งอาหาร, บริการจัดเลี้ยง, บริการบริหารร้านอาหาร, ที่ปรึกษาเกี่ยวกับร้านอาหาร และธุรกิจอาหารค้าปลีก เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมปรุง และผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน