COTTO ลั่นรายได้ปีนี้โต 5-10% ต้นทุนลด บุกตลาด CLM

เอสซีจี เซรามิกส์ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 5-10% มากกว่าอุตสาหกรรม ต้นทุนการดำเนินงานลดลง 10-15% หนุนผลงานดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรเพียง 10 ล้านบาท เพราะมีค่าใช้จ่ายพิเศษจากการควบรวมกิจการ เร่งเพิ่มประสิทธิภาพ ขยายตลาดส่งออกไปเพื่อนบ้าน ลงทุนเพิ่มคลังสินค้าถึง 100 แห่ง ใน 5 ปี

นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ (COTTO) ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์ คอตโต้ โสสุโก้ และคัมพานา คาดว่ารายได้ปีนี้เติบโตประมาณ 5-10% ซึ่งดีกว่าปีก่อนที่รายได้ลดลง 11% ส่วนต้นทุนการดำเนินงานคาดว่าจะลดลงประมาณ 10-15% จากการควบรวม 5 บริษัทย่อยในเครือ SCG ส่งผลให้ผลประกอบการดีขึ้น เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ไม่เหมือนปี 2561 ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากการควบรวมกิจการ มีการปรับโครงสร้าง และมีการจ่ายเงินชดเชยให้กับพนักงานส่วนหนึ่งที่ลาออก ส่งผลให้มีกำไรสุทธิเพียง 10 ล้านบาท หากตัดรายการพิเศษนี้ออกไป ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 210 ล้านบาท ขณะที่มีการแข่งขันที่รุนแรงและต้นทุนก๊าซที่เพิ่มขึ้น

กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า แนวโน้มการดำเนินงานในปีนี้ดีขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้กระเบื้องเซรามิคเพิ่มขึ้น โครงการประเภท Mixed use ที่มีมูลค่าโครงการสูงกว่า 4 แสนล้านบาท เริ่มทยอยก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพฯ และมีแนวโน้มขยายไปยังพื้นที่เมืองอื่นๆ อีก รวมถึงนโยบายภาครัฐที่ต้องการสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัย ปล่อยสินเชื่อผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะใช้พลังงานหมุนเวียน และพลังงานทดแทนเพื่อลดต้นทุนด้านพลังงานของโรงงาน รวมถึงได้มีการปรับปรุงเครื่องจักร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพช่วยลดการใช้พลังงาน รวมถึงการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น เน้นตลาดในกลุ่มประเทศ CLM ได้แก่กัมพูชา ลาว และพม่า ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่มีสัดส่วนส่งออกประมาณ 22% สร้างรายได้ส่งออก 2,534 ล้านบาท และรายได้จาการขายในภูมิภาคอาเซียน 1,833 ล้านบาท

“การควบรวมกิจการภายในกลุ่ม SCG ช่วยลดต้นทุนได้ การสั่งซื้อสินค้าก็สามารถต่อรองได้มากขึ้น รวมถึงบริษัทมีสินค้าที่หลากหลายตอบสนองแก่ลูกค้าได้ “กรรมการผู้จัดการ COTTO กล่าว

นายนำพล กล่าวว่าบริษัท มีกำลังการผลิตกระเบื้องสูงสุดรวมกันปีละ 94 ล้านตารางเมตร มีส่วนแบ่งการตลาด 1 ใน 3 ของอุตสาหกรรม หลังจากการควบรวมแล้ว และยังมีความสามารถในการผลิตได้อีกมาก เนื่องจากกำลังการผลิตที่ใช้ขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 60-70% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ปัจจุบันภาพรวมอุตสาหกรรมกระเบื้องยังมีการเติบโตไม่มาก คาดว่าในไตรมาสแรกปีนี้จะเติบโตประมาณ 2% ส่วนทั้งปีนี้ยังประเมินได้ยาก แต่เบื้องต้นคาดว่าจะทรงตัว หรือเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรง ทั้งสินค้าจากประเทศจีนส่งเข้ามาขาย รวมถึงสินค้าในประเทศที่มีจำนวนมาก แต่ก็ต้องรอดูผลการเลือกตั้ง และนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารเป็นอย่างไร

นายนำพล กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มคลังสินค้าเซรามิค โดยวางเป้าหมายภายใน 5 ปีจะเพิ่มเป็น 100 แห่ง จากปัจจุบันมี 25 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้ากระจายทั่วประเทศ คลังเซรามิค แต่ละแห่งจะใช้เงินลงทุนประมาณ 6-10 ล้านบาท ขณะที่เงินลงทุนในปีนี้อยู่ที่ 500-600 ล้านบาท ประมาณ 15-20% ใช้เพิ่มคลังเซรามิค และที่เหลือจะนำไปใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต

ในปี 2561 บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ (COTTO) เกิดขึ้นจากการควบรวม 5 บริษัทย่อยในเครือ SCG ประกอบด้วยบริษัท เซรามิคอุตสาหกรรมไทย ,บริษัทเดอะ สยาม เซรามิค กรุ๊ป อินดัสทรี่ส์, บริษัท โสสุโก้ แอนด์ กรุ๊ป(2008) ,บริษัท ไทย-เยอรมัน เซรามิค อินดัสทรี่ และบริษัท เจมาโก