แบงก์กรุงเทพ ปี 61 กำไรสุทธิ 3.53 หมื่นล้าน โต 7%

ธนาคารกรุงเทพ ปี 61 กำไรสุทธิ 35,330 ล้านบาท พุ่ง 7% รายได้โตทั้งรายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม

ธนาคารกรุงเทพ รายงานผลดำเนินงานปี 2561 กำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของธนาคาร) จำนวน 35,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปี 2560 โดยมีรายได้จากการดำเนินงานจำนวน 121,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% ซึ่งมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 7.1% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 2.40% และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 9.1% จากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ และกำไรสุทธิจากเงินลงทุน

แม้ว่าจะมีการยกเว้นค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิของธนาคารและบริษัทย่อยยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากค่าธรรมเนียมจากบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวมเติบโตดี

ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 45.4%
ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,083,160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากสิ้นปี 2560 จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ สินเชื่อลูกค้าบุคคล และสินเชื่อกิจการต่างประเทศ

สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวมลดลงเป็น 3.4% ขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 190.9%

ด้านเงินกองทุน หากนับกำไรสุทธิงวดกรกฎาคมถึงธันวาคม 2561 รวมเข้าเป็นเงินกองทุน อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยจะอยู่ในระดับประมาณ 18.7% 17.2% และ 17.2% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด สำหรับส่วนของเจ้าของส่วนที่เป็นของธนาคาร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 มีจำนวน 412,814 ล้านบาท มูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 216.26 บาทต่อหุ้น

พร้อมกันนี้ ธนาคารกรุงเทพประเมินว่า ปี 2562 อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะชะลอลง จากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความไม่แน่นอนของนโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ และการตอบโต้จากประเทศคู่ค้า

อย่างไรก็ดี ความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายของภาครัฐรวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ภาคเอกชน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศ อีกทั้งยังมีโอกาสจากการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย

จากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจดังกล่าว ธนาคารยังคงสามารถรักษาผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างมั่นคง ในขณะที่ธนาคารยังคงแนวทางการบริหารฐานะการเงินด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง ควบคู่กับการรักษาสภาพคล่องและเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่สามารถรองรับการขยายธุรกิจในอนาคตและความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อให้ธนาคารมีเสถียรภาพทางการเงินที่ยั่งยืน