ดาวโจนส์ปิดบวก 120 จุด เฟดยันจุดยืนนโยบายการเงินยืดหยุ่น

ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 120 จุด ได้แรงหนุนเฟดย้ำจุดยืนปรับขึ้นดอกเบี้ยค่อยเป็นค่อยไป ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อย ราคาน้ำมันขยับขึ้นต่อ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 10 มกราคม 2562 ที่ จุด 24,002.92 เพิ่มขึ้น 122.80 จุด หรือ 0.51% ต่อเนื่องเป็นวันที่ห้า หลังจากจิตวิทยานักลงทุนได้รับแรงหนุนจากการย้ำจุดยืนของธนาคารกลาง (เฟด)โดยเจอโรม พาวเวลล์ประธานเฟดว่า จะดำเนินนโยบายการเงินแบบยืดหยุ่น และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากอัตราเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ และส่วนหนึ่งมาจากการที่สหรัฐกับจีนบรรลุข้อตกลงในประเด็นสำคัญๆในการเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าที่เสร็จสิ้นไปในวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา แม้ยังไม่มีรายละเอียด

อย่างไรก็ตามการปรับตัวขึ้นของตลาดถูกจำกัดจากการแสดงความกังวลต่อภาระหนี้ประเทศที่เพิ่มขึ้นและกังวลต่อวัฎจักรเศรษฐกิจของประธานเฟด รวมทั้งการที่บริษัทเมซี ธุรกิจค้าปลีกที่ลดคาดการณ์กำไรและรายได้ปี 2018 หลังยอดขายเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมเพิ่มขึ้นเพียง 1.1% และอเมริกันแอร์ไลน์ที่ลดประมาณการณ์รายได้ไตรมาสสี่ ซึ่งกดหุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มสายการบินให้ร่วงลง เพราะนักลงทุนวิตกต่อผลประกอบการไตรมาสสี่ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

กระทรวงแรงงานเผยตัวเลขยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 17,000 รายมาที่ 216,000 ราย ในสัปดาห์ก่อน

ขณะเดียวตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธันวาคมของจีนเพิ่มขึ้น 1.9% จากระยะเดียวกันของปีก่อนต่ำสุดในรอบ 6 เดือน และตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้น 0.9% ต่ำสุดรอบ 2 ปี ซึ่งมีความเสี่ยงที่จีนจะประสบกับภาวะเงินฝืด ก็เพิ่มความกังวลให้นักลงทุนต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

นักลงทุนยังเกาะติดการแก้ไขปัญหาการปิดทำการของหน่วยงานรัฐและทางออกของความขัดแย้งระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กับพรรคเดโมแครต กรณีการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,596.64 จุด เพิ่มขึ้น 11.68 จุด, +0.45%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,986.07 จุด เพิ่มขึ้น 28.99 จุด,+0.42%

หุ้นเมซีลดลง 18% หุ้นโคลห์ลดลง 4.8% หุ้นมาร์เก็ตลดลง 2.8%

หุ้นอเมริกันแอร์ไลน์ลดลง 4.13% หุ้นเจ็ทบลูแอร์เวย์ส์ลดลง 0.46% หุ้นเซ้าท์เวสต์แอร์ไลน์ลดลง 0.28%

หุ้นเซียร์ ค้าปลีกรายใหญ่เพิ่มขึ้น 20.58% หลังจากเอ็ดดี้ แลมเพิร์ต ประธานเสนอซื้อกิจการอีกครั้งโดยเพิ่มมูลค่าเป็น 5 พันล้านดอลลาร์จากเดิม 4.4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ธุรกิจล้มละลาย

หุ้นฟอร์ดมอเตอร์ลดลง 0.57% หลังประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจในยุโรป ได้แก่สหราชอาณาจักร เยอรมนี และสเปน โดยจะปิดโรงงานและลดพนักงานบางส่วนจากปัจจุบันที่จำนวน 50,000 คนในยุโรป

ตลาดยุโรปปิดบวกเล็กน้อย จากแรงหนุนของผลการเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ออกมาในทางบวก แต่การปรับขึ้นถูกจำกัดจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มยานยนต์หลังประกาศลดพนัก งาน นำโดยหุ้นจากัวร์ แลนด์ โรเวอร์ ที่ประกาศลดพนักงานในสหราชอาณาจักรลง 10% หรือ 4,500 คน จาก 42,500 คน

ฟอร์ดมอเตอร์ประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจในสหราชอาณาจักร เยอรมนี และสเปน โดยจะปิดโรงงานและลดพนักงานบางส่วนจากปัจจุบันที่จำนวน 50,000 คนในยุโรป เพื่อให้กำไรจากการดำเนินธุรกิจในยุโรปเพิ่มขึ้น 6%

หุ้นเทสโก้โลตัสเพิ่มขึ้น 2.1% หลังประกาศยอดขายช่วงเทศกาลคริสต์มาสเพิ่มขึ้น 2.2% ขณะที่กลุ่มค้าปลีกลดลง 0.5% หลังกลุ่มผู้ค้าปลีกอังกฤษเผยตัวเลขยอดขายช่วงคริสต์มาส 2018 ว่าเลวร้ายสุดนับตั้งแต่วิกฤติการเงิน 2008

นักลงทุนยังเกาะติดความคืบหน้าการถอนตัวของอักฤษออกจากสหภาพยุโรป โดยนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ต้องมีแผนรองรับหากรัฐสภาไม่ให้ความเห็นชอบข้อตกลงที่เสนอไป

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,942.87 จุด เพิ่มขึ้น 36.24 จุด, +0.52%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 348.88 จุด เพิ่มขึ้น 1.18 จุด, +0.34%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,805.66 จุด ลดลง 7.91 จุด,-0.16%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 10,921.59 จุด เพิ่มขึ้น 28.27 จุด, +0.26%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ ปิดที่ 52.59 ดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 24 เซนต์ปิดที่ 61.68ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์