“ซันสวีท” ตั้งเป้าปี 62 โตไม่น้อยกว่า 15% เพิ่มกำลังการผลิตข้าวโพดหวานแช่แข็ง 3 เท่าตัว หลังติดตั้งเครื่องจักรใหม่เดินเครื่องได้เต็มกำลัง รองรับออเดอร์ได้ต่อเนื่อง พร้อมดันผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูงออกสู่ตลาดมากขึ้น เพื่อรักษาอัตราการเติบโตให้ต่อเนื่อง
ดร.องอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวาน ภายใต้ตราสินค้า KC เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าผลการดำเนินงานในปี 2562 ให้มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 15% จากปี 2561 ที่คาดว่าจะชะลอตัวจากต้นทุนการดำเนินงานและอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวนส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึงยอดขายที่เป็นปริมาณผลผลิตที่จำหน่ายออกไป บริษัทถือว่ายังมีอัตราการเติบโตที่น่าพอใจ โดยปี 2561 มีกำลังการผลิตข้าวโพดหวานทั้งสิ้น 128,000 ตัน เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มีกำลังการผลิตทั้งหมด 102,000 ตัน
ขณะที่ในปี 2562 นี้ บริษัทคาดว่าจะมีกำลังการผลิตทั้งปีอยู่ที่ 150,000 ตัน เพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% จากปีก่อน โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตของข้าวโพดหวานแช่แข็งเป็น 20,000 ตันต่อปี จากเดิมที่มีกำลังการผลิตที่ 5,000 ตันต่อปี ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการผลิตข้าวโพดหวานแบบแช่แข็งเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากเดิมที่ 15% ส่วนข้าวโพดหวานแบบกระป๋องมีสัดส่วนประมาณ 60% และที่เหลือ 15% เป็นข้าวโพดหวานบรรจุถุงสุญญากาศโดยข้าวโพดหวานแช่แข็งและบรรจุถุงสุญญากาศ ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง บริษัทจะพยายามปรับสัดส่วนกำลังการผลิตให้มีความเหมาะสมกับปริมาณวัตถุดิบและออเดอร์ที่เข้ามา เพื่อให้สามารถรักษาฐานลูกค้าเก่าและรองรับลูกค้าใหม่ได้อย่างทั่วถึง
“แม้ว่าปีที่ผ่านมากำไรสุทธิอาจจะปรับตัวลดลง แต่หากพิจารณาถึงยอดขายและปริมาณการผลิตข้าวโพดต่อปี ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่จะขยายกำลังการผลิตต่อเนื่องทุกปี เพื่อรองรับออเดอร์ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของค่าเงินที่มีความผันผวน ทางซันสวีทก็มิได้นิ่งนอนใจ พยายามบริหารความเสี่ยงในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพื่อรักษาอัตราการเติบโตของบริษัทให้มีต่อเนื่องและสม่ำเสมอ” ดร.องอาจกล่าว
สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมข้าวโพดหวานในปีนี้ ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ข้าวโพดหวานยังเป็นสินค้าที่มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ทั้งแบบสดหรือแปรรูป จะเห็นได้จากยอดการส่งออกข้าวโพดหวานของไทย ยังเติบโตต่อเนื่อง เฉลี่ย 3-5% ต่อปี ซึ่งประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่มีการส่งออกติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกทั้งปริมาณและมูลค่า ขณะที่ปัจจุบันเรามีลูกค้ามากกว่า 200 ราย ใน 50 ประเทศทั่วโลก ในส่วนของปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต บริษัทมีการควบคุมคุณภาพ และจัดหาให้เพียงพอต่อคำสั่งซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้กระบวนการเพาะปลูกมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมไปถึงการพัฒนาเมล็ดพันธุ์เพื่อให้ข้าวโพดหวานมีคุณภาพตามมาตรฐานตามที่บริษัทกำหนด
ดร.องอาจ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ในการจัดหาเครื่องมือทางการเงินและช่องทางการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และสร้างฐานะทางการเงินให้แข็งแกร่งในอนาคต โดยเชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎเกณฑ์ต่างๆของตลาดหลักทรัพย์และสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน