ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลงกว่า 660 จุด หรือ 2.8% หลัง “แอปเปิล” ปรับลดประมาณการณ์รายได้สะท้อนเศรษฐกิจชะลอตัว ฉุดตลาดหุ้นยุโรปร่วงยกแผง ด้านราคาน้ำมันสวนทางปิดเพิ่มขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 3 มกราคม 2562 ที่ 22,686.22 จุด ลดลง 660.02 จุด หรือ 2.8% หลังจากแอปเปิลประกาศปรับลดประมาณการณ์รายได้และยอดขายไอโฟนในจีนไตรมาสสี่เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี เป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ได้สร้างความวิตกแก่นักลงทุน
ทิม คุก ซีอีโอระบุในจดหมายถึงนักลงทุนว่า บริษัทฯคาดการณ์รายได้ไตรมาสสี่ไว้ที่ 84 พันล้านดอลลลาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้คาดการณ์รายได้ไว้ที่ 89-93 พันล้านดอลลาร์
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,447.89 จุด ลดลง 62.14 จุด, -2.48%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,463.50 จุด ลดลง 2020.43 จุด, -3%
การปรับตัวลดลงของตลาดเป็นการเริ่มต้นปีที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000 สำหรับดัชนี DJIA และ ดัชนี S&P 500 และแย่สุดนับตั้งแต่ปี 2005 ของดัชนี Nasdaq
ตลาดยังกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจหลังจาก ISM เผยดัชนีภาคอุตสาหกรรม( Manufacturing Index) เดือนธันวาคมลดลงไปที่ 54.1% จาก 59.3% เดือนก่อนหน้า เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และต่ำกว่า 57% ที่นักวิเคราะห์คาด ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจและผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้ากับจีน
การให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นของเควิน ฮัซซาตต์ ประธานคณะที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาว ที่ว่า ผลประกอบการบริษัทอื่นอาจจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ากับจีนเช่นเดียวกับแอปเปิลได้เพิ่มความกังวลกับนักลงทุน
ออโตเมติกดาต้าโพรเซสซิ่ง(ADP) เผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 271,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่คาด อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังรอรายงานตัวเลขการยื่นรับสวัสดิการว่างงานของสัปดาห์สุดท้ายปี 2018 จากกระทรวงแรงงานซึ่งคาดการณ์ไว้ที่ 231,000 ราย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 218,000 ราย
นักลงทุนได้หันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้น ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงไปที่ 2.56% ต่ำสุดในรอบ 11 เดือน
หุ้นแอปเปิลร่วง 10% ต่ำสุดตั้งแต่ปี 2003 ขณะที่หุ้นที่เป็นซับพลายเออร์ให้แอปเปิลก็ลดลง โดยหุ้นเซอร์รัส โลจิก หุ้นสกายเวิร์ค หุ้นบรอดคอมต่างลดลง 8% หุ้นเบสท์บายลดลง 2%
หุ้นเบิร์กไชร์แฮทธะเวย์ซึ่งถือหุ้นแอปเปิลมากกว่า 250 ล้านหุ้นลดลง 5%
หุ้นเฟซบุ๊คลดลง 2.90% หุ้นอัลฟาเบทลดลง 2.77 %
หุ้นที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับจีนต่างพากันลดลง โดยหุ้นโบอิ้งลดลง 3.99% หุ้นทิฟฟานีลดลง 2.74%หุ้นเดียร์แอนด์โคลดลง 2.73% หุ้นควอล์คอมลดลง 2.96%
หุ้นเดลต้าแอร์ไลน์ซึ่งออกมาส่งสัญญานว่าผลประกอบการไตรมาสสี่จะต่ำกว่าคาด ก็อ่อนตัวลงด้วย โดยลดลง 9% หุ้นยูไนเต็ดคอนติเนนทัลลดลง 5% หุ้นอเมริกันแอร์ไลน์ลดลง 7%
ตลาดยุโรปปิดลบ นักลงทุนกังวลต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนหลังจากแอปเปิลประกาศลดคาดการณ์รายได้ไตรมาสสี่ ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
รัฐมนตรีเศรษฐกิจเยอรมนี ปีเตอร์ อัลต์ไมเยอร์ ให้สัมภาษณ์ว่า การถอนตัวของจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ เป็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจแม้เศรษฐกิจเยอรมนียังคงเติบโต
หอการค้าในอังกฤษเผยผลสำรวจยอดขายของธุรกิจบริการไตรมาสสี่เพิ่มขึ้นในอัตราต่ำสุดรอบ 2 ปี
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้าง (PMI) ของสถาบันบริหารงานจัดซื้อและซัพพลาย (Chartered Institute of Purchasing and Supply:CIPS)และไอเอชเอสมาร์กิตในอังกฤษเดือนธันวาคม 2018 ลดลงมาที่ 52.8 จาก 53.4 ในเดือนก่อนหน้า ต่ำสุดรอบ 3 เดือน
ส่วนดัชนี PMI ของสวิตเซอร์แลนด์เดือนธันวามคมลดลง มาที่ 57.8 สูงกว่า 57.2 ที่นักวิเคราะห์คาด
หุ้นซับพลายเออร์ของแอปเปิลในยุโรป โดย AMS ลดลง 20% หุ้น เอสทีไมโครอิเลคทรอนิคส์ลดลง 12%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,692.66 จุด ลดลง 41.57 จุด, -0.62%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 333.92 จุด ลดลง 3.29 จุด, -0.98%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4611.49 จุด ลดลง 77.90 จุด, -1.66%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 10,416.66 จุด ลดลง 163.53 จุด, -1.55%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 55 เซนต์หรือ 1.2% ปิดที่ 47.09 ดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์หรือ 1.9%ปิดที่ 55.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์