ไทยพาณิชย์-กสิกรไทย สนับสนุนรายย่อยออมเงิน ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากประจำทุกประเภท SCB เริ่ม 4 ม.ค. KBANK มีผล 5 ม.ค. ส่วนหุ้นตกใจเลื่อนเลือกตั้ง บล.ไทยพาณิชย์แนะเป็นจังหวะช้อน ยันเป้าดัชนีครึ่งปีแรก 1,700 -1,850 แนะลงทุนหุ้น 3 กลุ่ม โพลนักวิเคราะห์คาด 3 เดือนแรกตลาดหุ้นบวก เป้าดัชนีอยู่ที่ 1,682 จุด
นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการออมให้กับผู้ฝากเงินรายย่อย จึงได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำทุกประเภทในอัตรา 0.25% ต่อปี สำหรับบุคคลธรรมดาที่มียอดเงินฝากไม่เกิน 5 ล้านบาท ทำให้มีอัตราดอกเบี้ยเงินฝากตั้งแต่ 1.15 -1.85% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.2562 เป็นต้นไป
ขณะเดียวกัน ธนาคารยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ที่ระดับเดิม เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย
สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่ปรับใหม่ของธนาคารไทยพาณิชย์ ประเภท 3 เดือนอยู่ที่ 1.15% ต่อปี ฝาก 6 เดือน 1.40 % 12 เดือนอยู่ที่ 1.65% 24 เดือน 1.70% และ 36 เดือนอยู่ที่ 1.85% ส่วนเงินฝากออมทรัพย์คงที่ 0.50%
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารได้พิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน 24 เดือน และ 36 เดือน สำหรับวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.25% ต่อปี ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารกสิกรไทย อยู่ที่ 1.15% ถึง 1.85% ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2562 เป็นต้นไป เพื่อตอบสนองนโยบายภาครัฐในการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนโดยเฉพาะผู้ฝากเงินรายย่อย รวมทั้งเป็นการสนับสนุนให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยเป็นไปตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ ธนาคารยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในช่วงนี้ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยและลูกค้าบุคคลไม่ต้องแบกรับภาระหนี้และบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย รวมถึงสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ทางด้านการลงทุนในตลาดหุ้น นายพรเทพ ชูพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า การเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปจากกำหนดเดิม 24 ก.พ.2562 คาดว่าอาจจะส่งผลกระทบในแง่จิตวิทยาของตลาดปรับตัวในระยะสั้นได้ แต่ปัจจัยพื้นฐานไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นจึงถือว่าเป็นโอกาสที่จะทยอยซื้อหุ้นได้ และยังเป็นผลดีต่อหุ้นค้าปลีก แต่ละพรรคการเมืองจะมีการหาเสียงและชูนโยบาย กระตุ้นเศรษฐกิจ เร่งให้มีการใช้จ่าย
“ตลาดจะไม่ชอบอะไรที่ไม่แน่นอน ดังนั้นเมื่อมีเรื่องของการเลื่อนวันเลือกตั้ง ก็อาจจะเป็นลบต่ออารมณ์ของตลาดในระยะสั้น แต่การเลือกตั้งก็ยังมีอยู่ และไม่น่าจะเกิน พ.ค. มีการกำหนดกรอบไว้อยู่แล้ว และตลาดก็ได้
มีการรับรู้ในเรื่องนี้ไปมากแล้ว”นายพรเทพ กล่าว
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนและเป้าหมายตลาดหุ้นในปี 2562 นายพรเทพ แนะนำให้เพิ่มพอร์ตการลงทุนตั้งแต่ไตรมาส 1/2562 คาดดัชนีจะปรับตัวขึ้น คาดครึ่งปีแรก อยู่ที่ 1700 -1850 จุด และยืนเป้าหมายทั้งปีที่ 2,000 จุด คาดเศรษฐกิจเติบโต 3.5-4% กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ขยายตัว 11% การท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้น แต่หากมีปัจจัยเสี่ยงเข้ามากระทบ เช่นการเจรจาการค้าตกลงกันไม่ได้ ดัชนีลงไปต่ำสุดอยู่ที่ 1,650 จุด
นายพรเทพกล่าวว่า หุ้นที่แนะนำมองไปที่วัฎจักรการลงทุนในประเทศ ทั้ง EEC และโครงการสาธารณูปโภค ส่งผลดีต่อนิคมอุตสาหกรรม และสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ รวมถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธปท. ด้วย คาดดอกเบี้ยไทยยังมีโอกาสปรับขึ้นอีก 1-3 ครั้งในปี 2562 ตามมุมมองวัฏจักรการลงทุนและดอกเบี้ยขาขึ้น
นอกจากนี้โลกกำลังจะเข้าสู่ภาวะ El Nino อ่อนๆ ภาวะแห้งแล้งที่เกิดขึ้น มักส่งผลดีต่อต้นทุนปลาทูน่าจะมีราคาถูกลง ขณะที่ส่งผลให้ราคาหมูเพิ่มขึ้น จะส่งผลดีต่อกลุ่มอาหาร
“เราแนะนำหุ้น BBL,KTB ส่วนอาหาร คือ CPF ,TU และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ได้แก่ ROJNA, WHA ส่วนกลุ่มสื่อสารไม่แนะนำ เพราะการแข่งขันที่ยังสูงอยู่ ส่งผลต่อการเติบโตไม่โดดเด่น” นายพรเทพ กล่าว
นายสมบัติ เลขาธิการและกรรมการผู้อำนวยการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยกรณีการเลื่อนตั้งวันเลือกตั้ง หากขยายระยะเวลาออกไป 1-3 เดือน เชื่อว่ากระทบต่อตลาดไม่มากนัก
ส่วนผลการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนรวม 27 บริษัท พบว่า ประมาณ 55.56% มองตลาดไตรมาสแรกมีแนวโน้มเป็นบวก ส่วนอีก 33.33% มองเคลื่อนไหวแคบๆ คาด ณ สิ้นไตรมาส 1 เฉลี่ยอยู่ที่ 1,682 จุด ปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่การเลือกตั้ง สงครามการค้า และทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
แนวโน้มตลาดหุ้นในปีนี้ยังมีความผันผวน นักวิเคราะห์คาดเฉลี่ยดัชนีต่ำสุดอยู่ที่ 1,529 จุด ขณะที่ค่าเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 1,834 จุด และสิ้นปีนี้คาดว่าดัชนีจะอยู่ที่ 1,782 จุด ส่วนเงินทุนต่างชาติจะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น ได้รับการโหวตเพียง 51.85%
อ่านประกอบ