ราคาน้ำมันดิบบวกกว่า 2% หลังผู้โอเปก-พันธมิตรร่วมกันลดกำลังผลิต หนุนทิศทางสดใส ท่ามกลางความกังวลเศรษฐกิจ-ยุโรป
บริษัท ไทยออยล์ เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับขึ้นกว่า 2% โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่สามารถปิดในแดนบวกได้แม้เปิดทำการซื้อขายติดลบกว่า 267 จุด รวมทั้งได้รับปัจจัยบวกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังคงมีมุมมองที่สดใสต่อสมดุลตลาดน้ำมันดิบในช่วงไตรมาส 1 ของปี 62 หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบโอเปกและนอกโอเปกสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบได้ในการประชุมเดือน ธ.ค. 61
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดตลาดวันที่ 2 ม.ค.2562 อยู่ที่ 46.54 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.13 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล หรือ 2.5% ส่วนเบรนท์ปิด 54.91 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.11 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล หรือ 2.1%
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกังวลต่ออุปสงค์น้ำมันดิบที่มีแนวโน้มอ่อนแอจากสภาวะเศรษฐกิจที่ดูไม่สดใส ทิศทางเศรษฐกิจจีนอ่อนแอลง โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของจีนในเดือน ธ.ค. 61 อยู่ที่ระดับ 49.4 ต่ำกว่าระดับ 50.0 ซึ่งนับเป็นจุดแบ่งระหว่างการขยายตัวและหดตัวทางเศรษฐกิจ ดัชนีดังกล่าวหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 59 หรือคิดเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี ในขณะเดียวกัน ดัชนี PMI ของยูโรโซนปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน มาอยู่ที่ 51.4 ในเดือน ธ.ค. 61นับเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน ก.พ. 59
นอกจากนี้อุปทานน้ำมันดิบโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ แตะระดับ 11.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 61 ส่งผลให้สหรัฐฯ กลายเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดในโลกแทนซาอุดิอาระเบียหรือรัสเซีย ในขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของรัสเซียแตะระดับเฉลี่ย 11.16 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 61
บริษัท ไทยออยล์ คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ WTI เคลื่อนไหวในกรอบ 44-48เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 52-56 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล