ดาวโจนส์ปิดลบ 302 จุด กังวลสถานการณ์เศรษฐกิจ

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วง 302 จุด แรงกดดันจากหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและหุ้นกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจ ท่ามกลางการซื้อขายผันผวน นักลงทุนยังระมัดระวังลงทุน ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” WTI ลดลง 1.55 ดอลลาร์ กว่า 2.73% ปิดที่ 55.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 16 ธันวาคม 2568 ปิดที่ 48,114.26 จุด ลดลง 302.30 จุด หรือ -0.62% ด้วยแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและหุ้นกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน นักลงทุนยังระมัดระวังและเลือกลงทุนหุ้นรายตัว หลังการรายงานข้อมูลตลาดแรงงานที่ให้ภาพผสมผสาน

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,800.26 จุด ลดลง 16.25 จุด, -0.24%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,111.46 จุด เพิ่มขึ้น 54.05 จุด, +0.23%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทำผลงานได้ดีกว่า โดยหุ้น Tesla บวก 3.07% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งแรกในรอบหนึ่งปี จากความก้าวหน้าล่าสุดในด้านรถแท็กซี่ไร้คนขับ ช่วยให้ดัชนี Nasdaq ปิดบวกเล็กน้อย แต่การปรับขึ้นนั้นจำกัดอยู่ในวงแคบและเฉพาะเจาะจงมากกว่าที่จะกระจายไปในวงกว้าง

หุ้นขนาดเล็กทำผลงานได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับอัตราการเติบโตและอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้หุ้นกลุ่มพลังงานก็ร่วงลง โดย หุ้นของบริษัทน้ำมันรายใหญ่ เช่น Exxon Mobil และ Chevron ร่วงลงประมาณ 2% หุ้นของบริษัทอื่นๆ เช่น ConocoPhillips และ Marathon Petroleum ก็อยู่ในแดนลบเช่นกัน หลังจากราคาน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เผชิญแรงกดดันอย่างมากและลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2021

รายงานการจ้างงานเดือนพฤศจิกายนที่ล่าช้าแสดงให้เห็นว่ามีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในเดือนที่ผ่านมา แต่ก็พบว่าอัตราการว่างงานพุ่งสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในปี 2021 ด้วย

สำนักงานสถิติแรงงานรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤศจิกายนว่าการจ้างานขึ้น 64,000 ตำแหน่ง มากกว่า 45,000 ตำแหน่งที่นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดยดาวโจนส์คาด การณ์ไว้ แต่อัตราการว่างงานก็เพิ่มขึ้นเป็น 4.6% สูงกว่า 4.5% ที่นักเศรษฐศาสตร์คาดซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนสำหรับตลาดที่เริ่มชะลออยู่แล้ว นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแรงงานยังระบุว่า ตัวเลขของเดือนตุลาคมแสดงให้เห็นว่ามีการสูญเสียงาน 105,000 ตำแหน่ง

ด้านกระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนตุลาคมทรงตัวจากเดือนก่อนหน้าขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1%

ข้อมูลนี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ และจะยิ่งทำให้มีวิเคราะห์ครั้งใหญ่ในช่วงปลายปีมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะระงับหรือเร่งการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินในปี 2026 อย่างไรก็ตามโอกาสที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปหลังจากตัวเลขการจ้างงานล่าสุด เครื่องมือ CME FedWatch แสดงให้เห็นว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนมกราคม โดยเทรดเดอร์ให้น้ำหนัก24% ซึ่งเท่ากับวันก่อนหน้าที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า

นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่วัดจากผู้บริโภคประจำเดือนพฤศจิกายน ในวันพฤหัสบดี รายงานทั้งสองชุดนี้รวมกันเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลจำนวนมากที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ได้กล่าวว่าธนาคารกลางจะศึกษาอย่างละเอียดก่อนการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในเดือนมกราคม

สำหรับหุ้นรายตัว หุ้น Ford บวก 0.15% หลังประกาศจะบันทึกค่าใช้จ่าย 19.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อลดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ นำโดยหุ้นกลุ่มกลาโหมและพลังงานที่ร่วงลงมาก เนื่องจากนักลงทุนกำลังวิเคราะห์ข้อมูลในประเทศและการจ้างงานสหรัฐฯ ที่น่าผิดหวัง

ตลาดหุ้นระดับภูมิภาคที่สำคัญส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบทั้งลอนดอนและเยอรมนี

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 579.80 จุด ลดลง 2.74 จุด, -0.47%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,684.79 จุด ลดลง 66.52 จุด, -0.68%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,106.16 จุด ลดลง 18.72 จุด, -0.23%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,076.87 จุด ลดลง 153.04 จุด, -0.63%

ข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของ S&P Global แสดงให้เห็นว่าการเติบโตของภาคเอกชนของเยอรมนีในเดือนธันวาคม ชะลอตัวลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ขณะที่การประมาณ
การเบื้องต้นสำหรับฝรั่งเศสก็แสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวของการเติบโตเช่นกัน

ในสหรัฐอเมริกา รายงานของกระทรวงแรงงานแสดงให้เห็นว่าการจ้างงานฟื้นตัวมากกว่าที่คาดไว้ในเดือนพฤศจิกายน แต่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นมาที่ 4.6%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศร่วงลงหลังจากสหรัฐฯ เสนอให้การรับประกันความมั่นคงแบบเดียวกับ NATO แก่ยูเครน และผู้เจรจาจากยุโรปรายงานความคืบหน้าในการเจรจาเมื่อวันจันทร์เพื่อยุติสงครามของรัสเซียในยูเครน

หุ้น Rheinmetall ร่วงลง 4.6% หุ้น Hensoldt ลดลง 3.7% หุ้น Leonardo ลดลง 4% และดัชนีโดยรวมลดลง 1.8% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดภายในวันเดียวในรอบกว่าสองสัปดาห์

หุ้นกลุ่มพลังงานลดลง 1.9% ตามราคาน้ำมันที่ลดลง ในขณะที่หุ้นสายการบิน easyJet และ Lufthansa ปรับตัวขึ้น 3.2% และ 1.3% ตามลำดับ

กลุ่มบริการทางการเงินปรับขึ้น 1.2% หุ้น UBS เพิ่มขึ้น 3.8% หลังจาก BofA Global Research ปรับเพิ่มอันดับหุ้นเป็นซื้อจาก neutral

ส่วนหุ้น IG Group ในลอนดอนเพิ่มขึ้น 8.5% เนื่องจากคาดว่าจะมีการเติบโตของรายได้ใกล้เคียงกับจุดกึ่งกลางของช่วงที่คาดการณ์ไว้ในปีหน้า

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีฉุดดัชนีลง โดยหุ้นใหญ่อย่าง ASML ร่วงลง 2.4% และ SAP ลดลง 1.4% เนื่องจากความกังวลมูลค่าหุ้น

ในสัปดาห์นี้ความสนใจของนักลงทุนอยู่ที่การตัดสินใจของธนาคารกลางหลายแห่ง รวมถึงธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางสวีเดน ธนาคารแห่งอังกฤษ และธนาคารกลางนอร์เวย์

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าธนาคารกลางยุโรปจะคงอัตราดอกเบี้ย แต่ยังมีคำถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2026 โดยเฉพาะหลังจากที่ อิซาเบล ชนาเบลผู้กำหนดนโยบายของ ECB แสดงความคิดเห็นในเชิงเข้มงวดสัปดาห์ที่แล้ว

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบมกราคม ลดลง 1.55 ดอลลาร์ หรือ 2.73% ปิดที่ 55.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง
1.64 ดอลลาร์ หรือ 2.71% ปิดที่ 58.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–