HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลง โดยดัชนีดาวโจนส์ ลบ 41.49 จุด, S&P500 ลบ 10.90 จุด, Nasdaq ลบ 137.76 จุด ในช่วงรอข้อมูลเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคาร ส่วนราคาน้ำมันปรับตัวลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 15 ธันวาคม 2568 ปิดที่ 48,416.56 จุด ลดลง 41.49 จุด หรือ -0.09% เนื่องจากนักลงทุนรอรายงานการจ้างงานเดือนพฤศจิกายน และข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ จำนวนมากในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2569 ขณะเดียวกันหุ้นสำคัญในกลุ่มธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) อยู่ภายใต้แรงกดดัน
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,816.51 จุด ลดลง 10.90 จุด, -0.16%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,057.41 จุด ลดลง 137.76 จุด, -0.59%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนจากความกังวลเกี่ยวกับความคาดหวัง ด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สูงเกินจริง ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหันไปลงทุนในหุ้นคุณค่าแทน ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ได้รับแรงกดดัน แต่ดัชนี Dow Jones ได้รับผลกระทบน้อยกว่า เนื่องจากมีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรวมอยู่ด้วยน้อยกว่า
นักลงทุนหันไปลงทุนในกลุ่มที่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจมากกว่า เช่น สินค้าฟุ่มเฟือยและอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังแห่ซื้อหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์จำนวนมากด้วย
แต่นักกลยุทธ์หลายคนมองว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปในเชิงบวก เป็นสัญญาณของการขยายฐานจากที่ได้รับแรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยีที่จำกัดวงแคบๆ ขณะที่ตลาดหุ้นเข้าสู่สัปดาห์การซื้อขายเต็มรูปแบบสุดท้ายของปี 2568
เดวิด แวกเนอร์ หัวหน้าฝ่ายหลักทรัพย์ของ Aptus Capital Advisors กล่าวกับ CNBC ว่าการที่ตลาดจะเปลี่ยนทิศทางได้ ปัจจัยพื้นฐานต้องเปลี่ยน แต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น
ในสัปดาห์นี้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจอาจกำหนดทิศทางของตลาด ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤศจิกายนมีกำหนดจะประกาศในวันอังคาร พร้อมกับตัวเลขยอดขายปลีกเดือนตุลาคม รายงานเหล่านี้ล่าช้าเนื่องจากการปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดยดาวโจนส์คาดการณ์ว่า ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนพฤศจิกายนจะเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง ซึ่งถือลดลงอย่างมากจาก 119,000 ตำแหน่งที่เพิ่มขึ้นในเดือนกันยายน ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนพฤศจิกายนจะประกาศในวันพฤหัสบดีนี้
รายงานการจ้างงานรายเดือนและเงินเฟ้อ จะมีผลต่อความหวังเกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟด (ธนาคารกลางสหรัฐฯ)
ปัจจัยสำคัญคือใครจะมาดำรงตำแหน่งแทนประธานเจอโรม พาวเวลล์ เมื่อวาระสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคม ทรัมป์ซึ่งเรียกร้องอย่างหนักให้ลดอัตราดอกเบี้ย ได้ระบุว่าเควิน แฮสเซ็ตต์เป็นตัวเต็ง โดยมีเควิน วอร์ชเป็นคู่แข่ง ในวันอาทิตย์ แฮสเซ็ตต์กล่าวว่าผู้กำหนดนโยบายจะพิจารณาความคิดเห็นของทรัมป์หากเขาได้รับเลือก แต่จะยังคงความเป็นอิสระในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้น IRobot ผู้ผลิตหุ่นยนต์ดูดฝุ่นแบรนด์ Roomba ดิ่งลง 72.7% หลังจากบริษัทยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลาย
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคาร และเป็นการเริ่มต้นสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยการตัดสินใจของธนาคารกลางและข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ล่าช้าในทางบวก เนื่องจากนักลงทุนหวนกลับมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงหลังจากปิดตลาดอย่างเงียบเหงาในสัปดาห์ที่แล้ว
ดัชนี STOXX 600 ของยุโรปปิดสูงขึ้น และห่างจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เพียง 0.6% ตลาดหุ้นระดับภูมิภาคที่สำคัญก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยตลาดหุ้นสเปนปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้น 1.2%
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 582.54 จุด เพิ่มขึ้น 4.30 จุด, +0.74%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,751.31 จุด เพิ่มขึ้น 102.28 จุด, +1.06%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,124.88 จุด เพิ่มขึ้น 56.26 จุด, +0.70%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,229.91 จุด เพิ่มขึ้น 43.4 จุด, +0.18%
ดัชนี STOXX 600 ร่วงลงสู่แดนลบในนาทีสุดท้ายของวันศุกร์ หลังจากคำเตือนเรื่องอัตรากำไรของบริษัทผลิตชิป Broadcom ของสหรัฐฯ ทำให้เกิดความกังวลอีกครั้งเกี่ยวกับฟองสบู่ที่อาจเกิดขึ้นในหุ้นปัญญาประดิษฐ์
ตลาดหุ้นฟื้นตัวในวงกว้างในวันจันทร์ โดย 19 จาก 20 กลุ่มอุตสาหกรรมหลักปรับตัวสูงขึ้น นำโดยกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.8% ปิดที่ระดับเดียวกับเดือนพฤษภาคม 2551
หุ้นกลุ่มประกันภัยพุ่งขึ้น 1.2% และหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 1.3% ส่งผลให้ดัชนีหลักปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
แคธลีน บรูคส์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ XTB กล่าวว่า ความเชื่อมั่นด้านความเสี่ยงเริ่มทรงตัวหลังจากภาวะเทขาย เนื่องจากตลาดหันมาให้ความสนใจกับปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคในสัปดาห์นี้
ดัชนีกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์เป็นกลุ่มเดียวที่ลดลง 0.14% หลังจากที่เพิ่มขึ้นติดต่อกันสองวัน แต่การลดลงไม่มากเนื่องจากคาดการณ์ว่าแรงกดดันต่อผู้ผลิตรถยนต์ในภูมิภาคจะน้อยลง โดยบรัสเซลส์เตรียมที่จะยกเลิกข้อห้ามการขายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในใหม่ของสหภาพยุโรปตั้งแต่ปี 2578 เป็นต้นไป
ในด้านภูมิรัฐศาสตร์ ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนได้กลับมาเจรจากับผู้แทนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกาในกรุงเบอร์ลินอีกครั้ง ในส่วนหนึ่งของข้อตกลงเพื่อยุติสงครามที่ยืดเยื้อมาเกือบสี่ปี ผู้เจรจาของสหรัฐฯ ได้แจ้งให้ยูเครนถอนกำลังทหารออกจากภูมิภาคโดเนตสก์ทางตะวันออก
บริษัทด้านการป้องกันประเทศรายใหญ่ลดลง โดย Rheinmetall และ Hensoldt ลดลง 2.6% และ 1.2% ตามลำดับ ในทางกลับกัน บริษัทเหมืองแร่ Ferrexpo ที่เกี่ยวข้องกับยูเครนกลับพุ่งขึ้น 7.1%
ในด้านเศรษฐกิจมหภาค การตัดสินใจเรื่องนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดี โดยตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของตลาดเปลี่ยนไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่อิซาเบล ชนา
เบล ผู้กำหนดนโยบายของ ECB แสดงความคิดเห็นที่ค่อนข้างแข็งกร้าวเกินคาด โดยชี้ว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเป็นการดำเนินการครั้งต่อไป แม้ว่าจะยังไม่เกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ก็ตาม
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบมกราคม ลดลง 62 เซนต์ หรือ 1.08% ปิดที่ 56.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 56 เซนต์ หรือ 0.92% ปิดที่ 60.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
