HoonSmart.com>> หุ้นจะไปทางไหน! ช่วงสุญญากาศทางการเมือง 4 โบรกเกอร์คาดดัชนี SET ปรับฐาน จับตา 1,200 จุด รับไหวไหม แนะหลุมหลบภัยที่ดี เข้าหุ้นปันผล-Defensive มองกลุ่ม Domestic เล่นเก็งกำไรได้ยันเลือกตั้ง เน้นกลุ่มธนาคาร, ค้าปลีก, ไฟแนนซ์, ที่อยู่อาศัย, มีเดีย, ICT และกลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม เชียร์ CPALL, CPAXT, GLOBAL, DOHOME. ADVANC, TRUE, TFG, SCB, TISCO, MTC, SAWAD, KTC, TIDLOR, HMPRO, ICHI, SCCC, TASCO, PLANB
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ธ.ค. 2568 เพื่อเตรียมจัดการเลือกตั้งเร็วขึ้นสองเดือน ตามไทม์ไลน์จะมีการเลือกตั้งภายใน 60 วัน รับรองผลเลือกตั้งอีก 45 วัน จัดตั้งคณะรัฐมนตรีอีก 1 เดือน ทั้งหมดจะกินเวลาประมาณ 5-6 เดือน จึงจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ได้
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ กล่าวว่า 1 เดือนจากนี้ไป เป็นช่วงสุญญากาศการเมือง ตลาดหุ้นอยู่ในลักษณะซึมตัวลง จากแรงขับเคลื่อนหายไป ทั้งโครงการ TISA และ คนละครึ่งพลัส เฟส 2 ซึ่งคงจะไม่มีออกมาแล้ว ช่วงสั้นจึงหันไปเล่นหุ้นที่เป็นหลุมหลบภัยก่อน เช่นหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า และโรงพยาบาล แต่รอให้ราคาย่อตัวลงราว 4-5% ก่อน เข้า รวมถึงหุ้นกลุ่มค้าปลีก ที่ลงรับข่าวยุบสภา และตลาดจะปรับขึ้นรับข่าวดีจากการเลือกตั้งในช่วงกลางเดือนม.ค.-ต้นก.พ.2569
กลยุทธ์การลงทุนในช่วง 1 เดือนจากนี้ แนะนำให้เก็บหุ้นในกลุ่ม Domestic ทั้งกลุ่มธนาคาร, ไฟแนนซ์, ค้าปลีก, ที่อยู่อาศัย, มีเดีย และกลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม เพราะไม่ว่าพรรคใดจะมาเป็นรัฐบาลใหม่ ก็จะต้องกระตุ้นการบริโภค ดังนั้นกลุ่มค้าปลีกจะโดดเด่น แนะนำ CPALL, CPAXT ส่วน GLOBAL, DOHOME ก็น่าสนใจ หลังน้ำท่วมต้องจับจ่ายซื้อของซ่อมแซมบ้านช่อง ส่วนกลุ่มไฟแนนซ์จะคึกคัก เพราะมีโอกาสที่กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนธ.ค.นี้ แนะนำ SAWAD เนื่องจากมีโอกาสที่จะเข้าสู่การคำนวณดัชนี SET50 ในรอบ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.2569 ด้วย ซึ่งตลาดหลักทรัพย์จะประกาศในเร็ว ๆ นี้
อย่างไรก็ดี มองเป้าหมายดัชนี SET ปี 2568 ปิดที่ 1,300 จุด ในอดีตการยุบสภาจะทำให้ดัชนีฯปรับตัวลงเฉลี่ย 4% ส่วนช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าดัชนี SET คงจะไม่หลุด 1,200 จุด
น.ส.ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วงปัญหาในประเทศมีมาก ทั้งเรื่องการเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ , ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา, ปัญหาเศรษฐกิจ และตลาดทุน หลังจากที่มีการประกาศยุบสภา โครงการ TISA และคนละครึ่งพลัส เฟส 2 ก็มีความไม่แน่นอน และมีโอกาสที่จะถูกเลื่อนออกไปก่อน แม้จะมีรัฐบาลรักษาการแต่ก็มีข้อจำกัดเกี่ยวกับการอนุมัติโครงการที่เป็นภาระผูกพันไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ ดังนั้นช่วงนี้ตลาดก็คงจะไม่มีแรงขับเคลื่อน ขณะที่ยังต้องติดตามปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ในฐานะรัฐบาลรักษาการจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป
“การเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นทั่วประเทศ แต่จากปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้ต้องจับตาดูว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นพร้อมกันได้หรือไม่ เพราะถ้าไม่ได้ก็จะไม่ดี”
อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่า Timeline การเลือกตั้งเร็วขึ้น คาดว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 8 ก.พ. 2569 หากเป็นไปตามกรอบที่วางไว้ คาดว่า SET จะปรับตัวขึ้นได้ จากสถิติ SET จะขึ้นได้ราว 2.07% ในช่วง 2 เดือนก่อนการเลือกตั้ง และหุ้นที่น่าสนใจลงทุนเป็นหุ้นในกลุ่มธนาคาร, ไฟแนนซ์, มีเดีย, ICT และค้าปลีก
ตลาดในช่วงสั้น SET มีโอกาสปรับฐานก่อน ต้องติดว่าระดับ 1,200 จุดจะรับอยู่หรือเปล่า ดังนั้นช่วงสั้นให้เลือกเล่นหุ้นปันผล และหุ้นในกลุ่ม Defensive ยกกลุ่มโรงพยาบาล เช่น BH, BDMS ส่วนหุ้นปันผล แนะนำ TISCO, TFG เป็นต้น ช่วงที่การเมืองเกิดสุญญากาศจะต้องระวังความผันผวน แต่สามารถซื้อสะสมได้ในกลุ่มอาหาร, ธนาคาร และค้าปลีก ซึ่งจะปรับขึ้นได้หลังเลือกตั้ง 2 เดือน เดือนแรกหุ้นจะขึ้นเกือบทุกกลุ่ม หุ้นที่เล่นได้ถึงช่วงหลังเลือกตั้ง มองเป็นหุ้น ADVANC, TRUE, TFG, SCB, TISCO, MTC, KTC, TIDLOR, HMPRO, CPALL
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นมักจะ Outperform ในช่วงการเลือกตั้ง จะเน้นกลุ่ม Domestic โดยกลุ่มค้าปลีก แนะนำ CPALL, CPAXT กลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม แนะนำ ICHI ส่วน CBG ปกติจะได้ประโยชน์ แต่รอบนี้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาถ่วง จึงยังไม่แนะนำ กลุ่มไฟแนนซ์ แนะนำ TIDLOR กลุ่มวัสดุก่อสร้าง แนะนำ SCCC, TASCO และกลุ่มสื่อ แนะนำ PLANB
“ตอนนี้ต้องรอดูว่ายุบสภาเร็ว แล้วรัฐบาลรักษาการจะเดินหน้าอะไรได้บ้าง ในช่วงสุญญากาศการเมือง ตอนนี้โครงการ TISA คงจะพักไว้ก่อน ส่วนคนละครึ่งพลัส เฟส 2 ต้องรอดูเพราะให้ข่าวไปแล้วว่าจะผลักดันเข้าครม.”นายอภิชาติกล่าว

บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดว่า SET Index จะปรับตัวในแดนลบหลุดแนวรับ 1,250 จุด และลงไปหาแนวรับถัดไปที่ 1,230 จุด ถ่วงจากความเสี่ยงการเมืองที่สูงขึ้น ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลกยังเผชิญแรงขายระยะสั้น ยังเป็นแรงกดดันต่อ DELTA ต่อเนื่อง มองว่ากระแสเงินทุนต่างชาติมีโอกาสไหลออกระยะสั้นและ Wait & See รอความชัดเจนของผลการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ขณะที่เม็ดเงินจากสถาบันในประเทศคาดว่ายังคงจำกัด
นอกจากนี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 รวมถึง TISA ถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากอำนาจที่จำกัดของรัฐบาลรักษาการ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ภายใน 45-60 วันตามกฎหมายหรือไม่ จากประเด็นสงครามที่ไทย-กัมพูชาที่ยังตึงเครียด หากการเลือกตั้งไม่เกิดขึ้นจะยิ่งเป็นลบต่อโมเมนตัมเศรษฐกิจที่จะแผ่วลงอีกครั้งในไตรมาส 1/2569
ส่วนกรณีจัดการเลือกตั้งได้ตามกำหนด อ้างอิงจากสถิติในอดีต ประเมินว่า SET index จะชะลอตัวในช่วงเดือนแรกหลังยุบสภา ก่อนจะเริ่มทยอยฟื้นในช่วง 2-4 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งจากแรงหนุนของเม็ดเงินหาเสียง ด้านปัจจัยต่างประเทศโดยเฉพาะนโยบายการเงินของเฟด คาดยังคงหนุนให้เกิด Sector Rotation ระยะสั้นออกจากกลุ่ม Valuation สูงอย่าง AI เข้าหากลุ่ม Value Play ซึ่ง Valuation สมเหตุสมผลมากกว่า

