HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่ง 646 จุด ด้าน S&P500 ทะลุ 6,900 จุด สูงสุดเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนยังขานรับเฟดลดดอกเบี้ย อาจลดอีกปีหน้า ส่วน Nasdaq ปิดลบ แรงขายหุ้นเทคราคาสูง หลังผิดหวังงบ Oracle ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 11ธันวาคม 2568 และดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนยังคงขานรับจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)และส่งสัญญาณอาจจะลดดอกเบี้ยอีกในปีหน้า แต่ดัชนี Nasdaq ปิดลบ เพราะนักลงทุนเทขายหุ้นเทคโนโลยีที่มีราคาสูง และหันไปลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กำลังเติบโต หลังผลประกอบการที่น่าผิดหวังของ Oracle ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายเกินตัวในด้าน AI อีกครั้ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 48,704.01 จุด เพิ่มขึ้น 646.26 จุด, +1.34%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,901.00 จุด เพิ่มขึ้น 14.32 จุด, +0.21%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,593.86 จุด ลดลง 60.30 จุด, -0.25%
บรรยากาศโดยรวมของตลาดยังคงสดใสต่อเนื่องหลังจากที่เฟดลงมติลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่สามของปีนี้ โดยที่การลงมติมีความเห็นที่แตกต่างกัน ผู้กำหนดนโยบายส่งสัญญาณถึงแนวทางการผ่อนคลายทางการเงินที่ค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ประธานเจอโรม พาวเวลล์ได้กล่าวเป็นนัยว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะไม่เกิดขึ้นในเดือนมกราคม พร้อมทั้งกล่าวถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ คำพูดของพาวเวลล์ช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนได้ เพราะดูไม่รุนแรงอย่างที่นักลงทุนบางส่วนคาดการณ์ไว้
พาวเวลล์ กล่าวว่าเฟดอยู่ในสถานะที่ “พร้อมจะรอและดู” ว่าสภาพเศรษฐกิจจะเปลี่ยน ไปอย่างไร พร้อมเสริมว่าภาษีนำเข้าที่บังคับใช้ในสมัยประธานาธิบดีทรัมป์ได้ส่งผลให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ซึ่งธนาคารกลางมองว่าเป็นการเพิ่มขึ้นเพียงครั้งเดียว
ความสนใจของตลาดจึงไปอยู่ที่รายงานการขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ ซึ่งออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มากถึง 236,000 ราย นับเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 หลังจากที่ลดลงต่ำสุดในรอบสามปีในช่วงสัปดาห์วันขอบคุณพระเจ้า
อัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนคลายลงให้ประโยชน์แก่บริษัทขนาดเล็กมากสุด ดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นขนาดเล็กที่สุดของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 1.2% ช่วยนำตลาด
ธนาคารและบริษัทอื่นๆ ที่ผลกำไรมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน การเพิ่มขึ้น 2.5% ของ Goldman Sachs และ 6.1% สำหรับ Visa เป็นแรงหนุนสำคัญที่ทำให้ดัชนี Dow Jones ปรับตัวสูงขึ้น
หุ้น Oracle ร่วงลงเกือบ 11% หลังจากที่บริษัทผู้ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งประกาศรายได่รายไตรมาสที่น่าผิดหวังและปรับเพิ่มคาดการณ์ค่าใช้จ่าย ซึ่งยิ่งเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับหนี้สินของบริษัท รายงานของบริษัททำให้เกิดความกังวลอีกครั้งว่าบริษัทเทคโนโลยีจะสามารถเห็นผลตอบแทนจากการลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือไม่ส่งผลให้เกิดการสลับกลุ่มลงทุนไปยังกลุ่มอื่นเพื่อทำกำไร
หุ้น Walt Disney Co. เพิ่มขึ้น 2.4% หลังจากที่ OpenAI ประกาศว่ายักษ์ใหญ่ด้านความบันเทิงรายนี้กำลังลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ในบริษัท เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงระยะเวลาสามปี ซึ่งจะอนุญาตให้ OpenAI ใช้ตัวละครมากกว่า 200 ตัวจาก Disney, Marvel, Pixar และ Star Wars สร้างวิดีโอสั้นสำหรับโซเชียลมีเดียตามความต้องการของผู้ใช้
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังจากที่เคลื่อนไหวค่อนข้างทรงตัวมาหลายวัน เนื่องจากนักลงทุนต่างขานรับการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และประเมินการตัดสินใจด้านนโยบายของธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์
ดัชนี STOXX 600 ปรับขึ้น หลังจากเริ่มต้นการซื้อขายอย่างเงียบๆ ท่ามกลางความกังวลอีกครั้งเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีที่สูงเกินไป หลังจากที่บริษัท Oracle ยักษ์ใหญ่ด้านคลาวด์คอมพิวติ้งได้ประกาศแผนการใช้จ่ายด้าน AI จำนวนมาก
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 581.34 จุด เพิ่มขึ้น 3.17 จุด, +0.55%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,703.16 จุด เพิ่มขึ้น 47.63 จุด, +0.49%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,085.76 จุด เพิ่มขึ้น 63.07 จุด, +0.79%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,294.61 จุด เพิ่มขึ้น 164.47 จุด, +0.68%
ในดัชนี STOXX 600 อย่างน้อย 19 กลุ่มอยู่ในแดนบวก โดยได้รับแรงหนุนจากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางเตือนว่าไม่รีบลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในระยะสั้น จนกว่าจะมีข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับตลาดแรงงาน
นักวิเคราะห์รายหนึ่งมองว่า ข้อความนั้นค่อนข้างจะแข็งกร้าว แม้เฟดจะคาดการณ์ว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในปี 2026 แต่คาดว่าในความเป็นจริงแล้ว เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่านั้น
นักลงทุนยังมองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เควิน แฮสเซ็ตต์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาว จะได้เป็นประธานเฟดคนต่อไป ซึ่งอาจนำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีหน้า
ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0% และกล่าวว่าข้อตกลงล่าสุดในการลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสวิตเซอร์แลนด์ของสหรัฐฯ ได้ช่วยให้แนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้น แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อยก็ตาม
ดัชนีกลุ่มธนาคารทั่วภูมิภาคเพิ่มขึ้น 1.7% Exane BNP Paribas แนะนำธนาคารอย่าง Unicredit และ ING โดยระบุว่าธนาคารเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะสร้างผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROTE) เฉลี่ยมากกว่า 16% ในปี 2027
หุ้น Unicredit เพิ่มขึ้น 2.4% และ ING เพิ่มขึ้น 2.2% BBVA เพิ่มขึ้น 2.3% หลังจากเสร็จสิ้นโครงการซื้อหุ้นคืน
ดัชนีกลุ่มก่อสร้างและการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นประมาณ 1.8% ดัชนีกลุ่มสินค้าหรูโดยรวมเพิ่มขึ้น 0.6% หลังจากลดลงติดต่อกันสามวัน
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวลง 0.45% โดยได้รับผลกระทบจากการร่วงลง 6.4% ของหุ้น Naturgy หลังจากที่ BlackRock ขายหุ้น 7.1% ในบริษัทก๊าซของสเปนแห่งนี้ในราคาประมาณ 1.7 พันล้านยูโร
ดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรมการบินและอวกาศและการป้องกันประเทศของยุโรปลดลง 0.8% โดยยังคงอ่อนไหวต่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน
หุ้น Schneider Electric บวก 2.7% หลังจากวางแผนโครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่าสูงสุด 3.5 พันล้านยูโร (4.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในปี 2030 ซึ่งเป็นการซื้อหุ้นคืนครั้งแรกในรอบเกือบสามปี และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มอัตรากำไรหลักที่ปรับปรุงแล้วในช่วงเวลาเดียวกัน
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบมกราคม ลดลง 86 เซนต์ หรือ 1.47% ปิดที่ 57.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 93 เซนต์ หรือ 1.49% ปิดที่ 61.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

