HoonSmart.com>>เศรษฐีหุ้นไทยปี 68 รวยลดลง “สารัชถ์ รัตนาวะดี” ครองแชมป์ 1.89 แสนล้านบาท ลดลง 5 หมื่นล้าน หรือ -20.95% รักษาแชมป์ปีที่ 7 “นิติ โอสถานุเคราะห์”รวยอันดับ 2 มูลค่า 4.73 หมื่นล้านบาท “หมอเสริฐ” อันดับ 3 รวย 3.31 หมื่นล้านบาท “ประทีป ตั้งมติธรรม แห่งศุภาลัย พุ่งฉิ่วติดอันดับ 7 ขึ้นมาจากปีก่อนที่ 11 ทางด้าน “ตระกูลรัตนาวะดี “ยังคงครองแชมป์ปีที่ 7 ส่วนตระกูลจิราธิวัฒน์อันดับ 2 มูลค่า 70,933.48 ล้านบาท ลดลง 20,614.23 ล้านบาท หรือ -22.52%
วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยติดต่อกันปีนี้เป็นปีที่ 32 แล้ว โดยวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ mai ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดภายในวันที่ 30 ก.ย.2568

สำหรับแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2568 ยังคงเป็นของ”สารัชถ์ รัตนาวะดี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ( GULF) รักษาแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 7 แล้ว ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 189,992.47 ล้านบาท ลดลง 50,349.43 ล้านบาท หรือ 20.95% ประกอบด้วย หุ้น GULF ในสัดส่วน 29.19% สูงเป็นอันดับ 1 มูลค่า 189,684.32 ล้านบาท และบริษัทไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) ถือ 0.65% มูลค่า 308.15 ล้านบาท
ความมั่งคั่งของสารัชถ์ในปีนี้ลดลงไปถึง 50,349.43 ล้านบาท เนื่องจากราคาหุ้น GULF ณ วันที่ 30 ก.ย. 2568 อยู่ที่ 43.50 บาท เทียบกับราคา 57 บาท ในปี 2567 ลดลง 13.50 บาท หรือ 23.68% อย่างไรก็ตาม ตลอด 7 ปีของการครองแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2562-2568 มูลค่าหุ้นที่สารัชถ์ถือครองยังคงอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาททุกปี
เศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ยังคงเป็น “นิติ โอสถานุเคราะห์” นักลงทุนรายใหญ่ ทายาทอาณาจักรโอสถสภา ถือหุ้นมูลค่า 47,313.08 ล้านบาท ลดลง 12,159.34 ล้านบาท หรือ 20.45%
สำหรับพอร์ตของนิติยังคงอยู่ใน 10 บริษัทเช่นเดียวกับปีที่แล้ว ได้แก่ บริษัท โอสถสภา (OSP) บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ (BKIH) บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) บริษัท ซีพี ออลล์ (CPALL) บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) (IRC) และ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ (TFMAMA)
เศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ได้แก่ นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ หมอเสริฐ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ถือหุ้นรวม 33,062.33 ล้านบาท ลดลง 17,602.89 ล้านบาท หรือ 34.74% ประกอบด้วย หุ้นบริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) 9.18% และ บริษัทการบินกรุงเทพ (BA) 11.38%
เศรษฐีหุ้นอันดับ 4 และ เศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ได้แก่ เจ้าของบริษัท เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) โดย”ดาวนภา เพ็ชรอำไพ” อยู่ในอันดับ 4 ถือหุ้น MTC 33.96% มูลค่า 29,160 ล้านบาท ลดลง 6,480 ล้านบาท หรือ 18.18% ส่วน “ชูชาติ เพ็ชรอำไพ” อยู่ในอันดับ 5 รวม 28,878.71 ล้านบาท ลดลง 6,561.89 ล้านบาท หรือ 18.52% โดยถือหุ้น MTC 33.49% และ บริษัทเอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) 2.32%
เศรษฐีหุ้นอันดับ 6 ได้แก่ “ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ ทายาทหมอเสริฐ ถือหุ้น BDMS 5.81% และ BA 6.49% รวมมูลค่า 20,732.61 ล้านบาท ลดลง 10,210.61 ล้านบาท หรือ 33%
เศรษฐีหุ้นอันดับ 7 ได้แก่ “ประทีป ตั้งมติธรรม” ประธานคณะกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย ปีนี้ขยับขึ้นมาติดทำเนียบ Top 10 เศรษฐีหุ้นไทยเป็นครั้งแรก จากอันดับ 11 เมื่อปีที่แล้ว ถือหุ้นมูลค่ารวม 18,088.53 ล้านบาท ลดลง 134.67 ล้านบาท ถือเป็นเศรษฐีหุ้นที่มูลค่าความมั่งคั่งลดลงน้อยที่สุดเพียง 0.74% เมื่อเปรียบเทียบกับ Top 10 เศรษฐีหุ้นไทยด้วยกัน
สำหรับหุ้นที่”ประทีป”ถือมีทั้งหมด 11 บริษัทเช่นเดียวกับปีที่แล้ว แต่ปีนี้มีสัดส่วนการถือครองเพิ่มขึ้นทุกบริษัท ประกอบด้วยหุ้นบริษัท ศุภาลัย (SPALI) 34.53% บริษัท บางกอกแร้นช์ (BR) 12.69% บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ (PDJ) 12.95% บริษัท บางกอกแลนด์ (BLAND) 4.23% บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) 3.16% บริษัท บ้านปู (BANPU) 2.34% บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ (SCGD) 2.04% บริษัททีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) 1.97% บริษัททีพีไอ โพลีน (TPIPL) 1.95% บริษัท ราช กรุ๊ป (RATCH) 1.47% และ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) 0.78%
เศรษฐีหุ้นอันดับ 8 ได้แก่ “สุระ คณิตทวีกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น (COM7) เจ้าของเครือธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอที กลับเข้าสู่ทำเนียบ TOP 10 เศรษฐีหุ้นไทยอีกครั้ง หลังจากเข้ามาเป็นปีแรกเมื่อปี 2566 โดยขยับขึ้นจากอันดับ 13 เมื่อปีที่แล้ว ถือหุ้นรวมมูลค่า 17,208.38 ล้านบาท ลดลง 310.97 ล้านบาท หรือ 1.78%
พอร์ต”สุระ”ในปีนี้มีหุ้นทั้งหมด 21 บริษัทเท่ากับปีที่แล้ว แต่มีการเปลี่ยนแปลงตัวหุ้นเล็กน้อย ซึ่งหุ้นที่ยังคงถือเหมือนปีที่แล้ว 16 บริษัท ได้แก่ บริษัท คอมเซเว่น (COM7) 25.05% บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส (TKC) 0.81% บริษัท เอ็ม วิชั่น (MVP) 7.00% บริษัท สกาย ไอซีที (SKY) 6.77% บริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล (WAVE) 6.20% บริษัท นิวทรีชั่น เอสซี (NTSC) 4.27% บริษัท ไทยพาร์เซิล (TPL) 3.82% บริษัททริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) 2.71%
บริษัท มิลล์คอน สตีล (MILL) 2.59% บริษัท ซีเอ็มโอ (CMO) 1.94% บริษัท เอสไอเอสบี (SISB) 1.11% บริษัท แพลน บี มีเดีย (PLANB) 0.87% บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) 0.83% บริษัท ไอที ซิตี้ (IT) 0.6% บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น (PRI) 0.56% และ บริษัทการบินกรุงเทพ (BA) 0.52%
ส่วนหุ้นที่ถือเพิ่มในปีนี้มี 5 บริษัท ได้แก่ บริษัท โปร อินไซด์ (PIS) 4.72% บริษัท เจนก้องไกล (JPARK) 2.11% บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต (WARRIX) 1.05% บริษัท เอสจี แคปปิตอล (SGC) 0.72% และ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) 0.66%
เศรษฐีหุ้นอันดับ 9 ได้แก่ “คีรี กาญจนพาสน์” ประธานกรรมการ บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) หล่นจากอันดับ 8 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือ หุ้นรวม 16,063.10 ล้านบาท ลดลง 3,395.31 ล้านบาท หรือ 17.45% ประกอบด้วย หุ้น BTS 31.73% กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) 2.14% และ บริษัท ซุปเปอร์ เทอร์เทิล (TURTLE) 1.64%
เศรษฐีหุ้นอันดับ 10 ได้แก่ นพ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี ผู้ก่อตั้งคลินิกเสริมความงาม “พงศ์ศักดิ์คลีนิค” นักลงทุนรายใหญ่ที่ปีนี้มีพอร์ตมีมูลค่ารวม 15,404.11 ล้านบาท ลดลง 1,796.82 ล้านบาท หรือ 10.45%
ปีนี้หมอพงศ์ศักดิ์กลับเข้ามาติด TOP 10 เศรษฐีหุ้นไทยอีกครั้ง หลังจากที่หล่นไปอยู่อันดับ 14 เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งหุ้นในพอร์ตที่เหมือนกับปีที่แล้วมี 10 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท คอมเซเว่น (COM7) 19.81% บริษัท สกาย ไอซีที (SKY) 9.96% บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต (WARRIX) 9.06% บริษัท นิวทรีชั่น เอสซี (NTSC) 4.86% บริษัท แพลน บี มีเดีย (PLANB) 4.20% บริษัท เอสไอเอสบี (SISB) 3.68% บริษัททริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) 3.48% บริษัทเฮลท์ลีด (HL) 1.15% บริษัท การบินกรุงเทพ (BA) 0.94% และ บริษัทเวฟ เอกซ์โพเนนเชียล (WAVE) 2.86%
ส่วนหุ้นที่มีเพิ่มในพอร์ตปีนี้มี 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท เจนก้องไกล (JPARK) 9.08% บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ (OKJ) 2.18% บริษัท โปร อินไซด์ (PIS) 1.64% และ บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า (PR9) 0.71%
สำหรับตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยปี 2568 ตระกูลรัตนาวะดีของ สารัชถ์ ยังคงครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 7 โดยมีความมั่งคั่งรวม 189,992.47 ล้านบาท ลดลง 50,349.43 ล้านบาท หรือ 20.95% อันดับ 2 ตระกูลจิราธิวัฒน์ โดยเครือญาติรวม 48 คน ถือหุ้นรวมกันมูลค่า 70,933.48 ล้านบาท ลดลง 20,614.23 ล้านบาท หรือ 22.52%
อันดับ 3 ตระกูลปราสาททองโอสถ โดย 6 เครือญาติถือหุ้นรวมกันเป็นมูลค่า 65,049.21 ล้านบาท ลดลง 37,630.57 ล้านบาท หรือ 36.65% อันดับ 4 ตระกูลโอสถานุเคราะห์ โดย 14 เครือญาติถือครองหุ้นรวมมูลค่า 60,231.20 ล้านบาท ลดลง 15,411.74 ล้านบาท หรือ 20.37% และ อันดับ 5 ตระกูลเพ็ชรอำไพ โดยเจ้าของบริษัทเมืองไทยแคปปิตอล (MTC) ดาวนภา-ชูชาติ เพ็ชรอำไพ ถือหุ้นรวมมูลค่า 58,038.71 ล้านบาท ลดลง 13,041.89 ล้านบาท หรือ 18.35%

———————————————————————————————————————————————————–

