HoonSmart.com>>ตลาดหุนสหรัฐฯทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดร่วง ดาวโจนส์ลดลง 215 จุด บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนชะลอซื้อขาย รอผลประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ร่วง 2% WTI หลุด 60 ดอลลาร์ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบเล็กน้อย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 8 ธันวาคม 2568 ปิดที่ 47,739.32 จุด ลดลง 215.67 จุด หรือ -0.45% โดยกลุ่มหุ้นในดัชนี S&P 500 ส่วนใหญ่ปรับตัวลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนและรอผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในอีกสองวันข้างหน้า
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,846.51 จุด ลดลง 23.89 จุด, -0.35%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,545.90 จุด ลดลง 32.22 จุด, -0.14%
ความหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมยิ่งมากขึ้น หลังจากข้อมูลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วแสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นปานกลางในช่วงปลายไตรมาสที่สาม อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงรอคอยสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายในอนาคตจากเฟด ซึ่งคาดว่าจะมีความเห็นที่แตกต่างกันมากที่สุดในรอบหลายปี
เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า เทรดเดอร์มองโอกาสที่เฟดลดดอกเบี้ยลงมีประมาณ 89% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 67% เมื่อเดือนที่แล้วขณะเดียวกัน
อัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ก็สร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นเช่นกัน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นมาที่ 4.16% แม้คาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในปีใหม่ และวิตกว่าธนาคารกลางจะสามารถผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไปได้หรือไม่
สตีเฟน โคลาโน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Integrated Partners กล่าวว่า
นอกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่คาดการณ์ไว้ ยังคาดว่าประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ จะเน้นย้ำจุดยืนที่ขึ้นอยู่กับข้อมูลในช่วงหลายเดือนข้างหน้า โดยเฉพาะเมื่อข้อมูล ADP ประจำเดือนพฤศจิกายนสัปดาห์ที่แล้วแสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวของตลาดแรงงานที่มากขึ้น อีกทั้งการที่พาวเวลล์จะหมดวาระในเดือนพฤษภาคม 2026 อาจทำให้เขาค่อนข้างไม่ใส่ใจต่อความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
ในส่วนหุ้นรายตัว Paramount Skydance ยื่นข้อเสนอซื้อ Warner Bros Discovery มูลค่า 1.084 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แบบไม่เป็นมิตร ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากบริษัทตั้งเป้าที่จะเอาชนะ Netflix การเสนอราคาครั้งนี้ส่งผลให้ราคาหุ้นของ Warner Bros Discovery พุ่งขึ้น 4.4% ขณะที่ราคาหุ้นของ Paramount พุ่งขึ้น 9% และหุ้น Netflix ลดลง 3.4% ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นที่ดึงดัชนีกลุ่มCommunication Services ให้ลดลง 1.8%
กลุ่มเดียวที่ปรับขึ้นคือเทคโนโลยี ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.9% ด้วยแรงหนุนจาก หุ้น Broadcom ที่พุ่งขึ้นเกือบ 3% และทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังจาก The Information รายงานว่า Microsoft
กำลังหารือเกี่ยวกับการออกแบบชิปแบบกำหนดเองกับผู้ผลิตชิป
หุ้น Confluent พุ่งขึ้นราว 29% หลังจากที่ IBM ประกาศว่าจะเข้าซื้อกิจการบริษัทด้วยมูลค่า 11 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในกลางปี 2026 ส่วนหุ้น Oracle เพิ่มขึ้นกว่า 1% ท่ามกลางความเชื่อมั่นของนักลงทุนก่อนการประกาศผลประกอบการรายไตรมาสของบริษัทในวันพุธ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อย จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น ขณะที่นักลงทุนเริ่มต้นการซื้อขายสัปดาห์นี้ด้วยความระมัดระวัง ขณะที่จับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ
ดัชนีหลักในภูมิภาคต่างๆ เคลื่อนไหวผสมผสานกัน โดยดัชนี FTSE 100 ของลอนดอนลดลงและดัชนี IBEX 35 ของสเปนเพิ่มขึ้น
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 578.36 จุด ลดลง 0.41 จุด, -0.07%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,645.09 จุด ลดลง 21.92 จุด, -0.23%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,108.43 จุด ลดลง 6.31 จุด, -0.08%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,046.01 จุด เพิ่มขึ้น 17.87 จุด, +0.07%
หุ้นอสังหาริมทรัพย์เป็นปัจจัยฉุดรั้งดัชนี STOXX ลงมากที่สุด โดยลดลง 1.6% เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวที่พุ่งสูงขึ้นทั่วโลก ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความ
ยั่งยืนทางการคลัง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีอายุ 30 ปี เพิ่มขึ้นเป็น 3.466% หลังจากเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 จุดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2011 เป็นผลจากข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ บวกกับความคิดเห็นที่แข็งกร้าวจากอิซาเบล ชนาเบล ผู้กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ทรงอิทธิพล ซึ่งได้ส่งสัญญาณว่าการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของธนาคารกลางยุโรปอาจเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าการลดอัตราดอกเบี้ย
หุ้นสินค้าอุปโภคบริโภคก็กดดันตลาด โดย Unilever ลดลง 2% ยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าอุปโภคบริโภครายนี้ได้เสร็จสิ้นการแยกกิจการ Magnum ส่งผลให้บริษัท Magnum Ice Cream Company จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยมูลค่าประมาณ 7.8 พันล้านยูโร (9.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
หุ้น L’Oreal ร่วงลง 2% หลังจากที่บริษัทฝรั่งเศสประกาศว่าจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Galderma บริษัทผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสัญชาติสวิสเป็น 20% ส่วนหุ้น Galderma เพิ่มขึ้น 1%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.6% นำโดยบริษัทด้านการป้องกันประเทศ หุ้น Rheinmetall เพิ่มขึ้น 3.6% ขณะที่ดัชนีกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น 1.6% นำกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ซึ่งเคลื่อนไหวตามความคืบหน้าของสงครามรัสเซีย-ยูเครน
นักลงทุนยังคงระมัดระวังก่อนการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% แต่จับตาอย่างใกล้ชิดว่าสมาชิกเฟดจะคาดการณ์อย่างไรในปีหน้า
กลุ่มรถยนต์ลดลง 0.9% จากการร่วงลง 3.5% ของหุ้น Ferrari หลังจากที่ Morgan Stanley ปรับลดน้ำหนักการลงทุนจาก overweight เป็น equal weight
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบมกราคม ลดลง 1.20 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 58.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 1.26 ดอลลาร์ หรือ 1.98% ปิดที่ 62.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

