CGSI คาด SET ปี’69 แตะ 1,400 จุด EPS 88.5 บาท/หุ้น โต 8% แนะ 9 หุ้นเด่น

HoonSmart.com>>ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ตั้งเป้าดัชนี SET ปี’69 ที่ 1,400 จุด EPS 88.50 บาทต่อหุ้น โต 8% มองครึ่งปีแรกถูกกดดันจากการเมือง แต่คาดฟื้นตัวได้ช่วงครึ่งปีหลัง ผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลใหม่ ดอกเบี้ยลด ทุนต่างชาติไหลเข้าหลัง Valuation น่าสนใจและ Underperform ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค แนะนำ 9 หุ้นที่ต้องมี

นายเกษม พันธ์รัตนมาลา ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าวในงาน ” “Analysts meet Media OUTLOOK 2026″ว่า ในปี 2569 คาดดัชนี SET สิ้นปีอยู่ที่ 1,400 จุด เท่ากับ P/E 15 เท่าในปี 2570 หรือ -0.75SD จากค่าเฉลี่ย 10 ปี ทั้งนี้ปัจจุบัน SET ซื้อขายที่ P/E 15 เท่าปี 2568 หรือ P/E 13 เท่าหากตัด DELTA ออก จึงสะท้อนโอกาสที่จะฟื้นตัวได้ ขณะที่ตลาดหุ้นไทย Underperform ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคมาตลอดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

“Valuation หุ้นบ้านเราน่าสนใจ ตอนนี้ถ้าตัด DELTA ออก จะเทรด P/E ที่ 13 เท่า สามปีแล้วที่หุ้นไทย Underperform ตลาดในภูมิภาค จึงมองว่าปีหน้านี้ หุ้นไทยน่าจะมีโอกาส rebound ได้” นายเกษม กล่าว

นายเกษม มองว่า ช่วงครึ่งปีแรก 2569 หุ้นไทยจะเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยนายกรัฐมนตรีมีแผนยุบสภาเดือนมกราคม 2569 จากนั้นจะมีการเลือกตั้งปลายเดือนมีนาคม และรัฐบาลใหม่น่าจะเริ่มทำงานปลายเดือนพฤษภาคม-ต้นเดือนมิถุนายน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การเมืองซับซ้อนขึ้น หลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ภาคใต้กระทบคะแนนนิยมของพรรคภูมิใจไทย เท่ากับเปิดความเสี่ยงให้มีการจัดตั้งรัฐบาลผสม มองว่ามีความเป็นไปได้ที่พรรคภูมิใจไทยจะจับมือพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล

หุ้นไทยจะฟื้นตัวช่วงครึ่งปีหลัง 2569 หลังมีรัฐบาลใหม่หนุนความเชื่อมั่นและเดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจ ซึ่งหากได้บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้ามาบริหารกระทรวงเศรษฐกิจสำคัญ ๆ ก็จะยิ่งหนุนความเชื่อมั่นมากขึ้น นอกจากนี้ หุ้นไทยยังมีปัจจัยหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และเงินทุนต่างชาติมีโอกาสไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทย หลังตั้งแต่ปี 2566 มีเงินทุนไหลออกสูงถึง 4.53 แสนล้านบาท

กลยุทธ์การลงทุนในปี 2569 ช่วงครึ่งปีแรก แนะนำเลือกลงทุนหุ้น Defensive เนื่องจากเป็นหุ้นที่ปลอดภัย และช่วงครึ่งปีหลังให้เพิ่มการลงทุนหุ้นวัฏจักรที่อิงกับกระแสการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยหุ้น Top Picks ประกอบด้วย ADVANC, BCPG, BDMS, CPN, MOSHI, MTC, PR9, SCB และ TRUE

ทั้งนี้ มองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปีหน้า จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป GDP จะเติบโตเพียง 1.9% จากที่คาด 2.0% ในปีนี้ เนื่องจากการลงทุนขนาดใหญ่ถูกชะลอจนกว่าจะประกาศผลการเลือกตั้ง เชื่อว่าหากรัฐบาลชุดปัจจุบันได้เป็นรัฐบาลอีก โครงการคนละครึ่งก็จะเดินหน้าต่อ ขณะที่เงินเฟ้ออยู่ระดับต่ำ ทำให้คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยคาดอัตราดอกเบี้ยสุดท้าย (terminal rate) จะอยู่ที่ 0.75% ในปี 2569

หุ้นรายกลุ่ม

กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานปกติเติบโต 14% yoy ในปี 2569 จากฐานที่ต่ำในปีนี้ มองว่าตลาดคอนโดมิเนียมผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส 2/2568 ช่วงครึ่งปีหลัง 2568 เห็นความต้องการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น และจะฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2569 ขณะที่ความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบปีหน้าจะลดลง

ส่วนกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมมีแรงขับเคลื่อนจากการกระจายฐานการผลิตตามกลยุทธ์ China Plus One (China+1) ซึ่งประเทศในอาเซียนเป็นจุดหมายที่นักลงทุนจีนและบริษัทข้ามชาติเลือกตั้งโรงงาน คาดว่ากลุ่มนิคมอุตสาหกรรมจะมีกำไรปกติเติบโต 3.1% ในปี 2569

กลุ่มค้าปลีก แนวโน้มปี 2569 ยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน การจับจ่ายที่เพิ่มขึ้นช่วงปลายปีนี้มาจากโครงการคนละครึ่งและเที่ยวดีมีคืนกระตุ้นระยะสั้น ไม่สามารถสร้างโมเมนตัมต่อไปปีหน้าได้ ขณะที่หนี้ครัวเรือนสูง การเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำ ยังกดดันต่ออุปสงค์ระยะกลางถึงระยะยาว โดยคาดกำไรผู้ค้าปลีกจะโต 7.9% ในปี 2569 แม้ดีขึ้นจากปีนี้ แต่ไม่มากพอที่จะหนุนกลุ่มค้าปลีกขึ้นมาซื้อขาย P/E ที่สูงขึ้นได้ แนะนำเลือกลงทุนเฉพาะบริษัทที่เห็นแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจน

กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ในปี 2569-2570 สินเชื่อน่าจะขยายตัวเพียง 1.1-2.0% จากมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวด และ GDP ที่เติบโตชะลอตัว ส่วนอัตราการเติบโตของกำไรก่อนตั้งสำรองคาดไว้ที่ -3.0% ในปี 2569 และ +1.6% ในปี 2570 ส่วน ROE โดยรวมคาดจะอยู่ที่ 8.9-9.3% ในปี 2569-2570 แนะนำให้คงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคาร เพราะกลุ่มนี้ขาดปัจจัยบวกระยะสั้น แต่ยังมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง โดยกลุ่มธนาคารซื้อขายที่ P/BV 0.68 เท่าในปี 2569 หรือสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตห้าปีที่ 0.64 เท่าเล็กน้อย

กลุ่มโทรคมนาคม เชื่อว่าปริมาณการใช้ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นจะเปิดโอกาสให้บริษัทโทรคมนาคมไทยใช้กลยุทธ์ upsell ซึ่งจะทำให้รายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (ARPU) ของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้น แนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนกลุ่มโทรคมนาคม เนื่องจาก ARPU จะเข้าสู่วงจรการเติบโตด้วยแรงขับเคลื่อนจากปริมาณการใช้ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นจากการใช้งาน AI smartphone และ AI app และการประเมินมูลค่ากลุ่มโทรคมนาคมที่ EV/EBITDA 8 เท่าในปี 2569 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ยังไม่สะท้อนการเติบโตของ ARPU

กลุ่มพลังงาน แม้กลุ่ม OPEC+ เดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตสำรอง แต่คาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังมีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันต่อ เพราะประเทศกลุ่ม non-OPEC ยังคงเพิ่มปริมาณการผลิต ส่งผลให้ตลาดมีอุปทานน้ำมันส่วนเกินกดดันราคา สำหรับก๊าซธรรมชาติและ LNG คาดว่าปี 2569 ความต้องการ LNG ทั่วโลกจะเติบโตราว 2% yoy หนุนด้วยการฟื้นตัวของอุปสงค์ในจีน และความต้องการก๊าซเพื่อผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ

ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นในปี 2569 ค่าการกลั่นตลาดมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ช่วงต้นปี 2569 ส่วนต่างราคาดีเซลอาจทรงตัวระดับสูงจากภาวะอุปทานที่ยังตึงตัว ตามการลดลงของการส่งออกจากรัสเซีย และการปิดโรงกลั่นในหลายภูมิภาคทั่วโลก

กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี คาดว่ากำลังการผลิตรอบใหม่จะเริ่มทะลักเข้าสู่ตลาดตั้งแต่ครึ่งหลังปี 2568 เป็นต้นไป โดยกำลังการผลิตเอทิลีนทั่วโลกมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นจนถึงปี 2571 ขณะที่การฟื้นตัวของสเปรดอาจต้องรออีก 1-2 ปีหลังจากนั้น ดังนั้นประเมินว่าจำเป็นต้องมีการประกาศปิดกำลังการผลิตรวมราว 11 ล้านตันต่อปีในช่วงปี 2569-2571 ในการทำให้ตลาดเอทิลีนโลกกลับเข้าสู่จุดสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน

กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร (สุกร, เนื้อไก่) ในปี 2569 คาดภาพรวมรายได้มีแนวโน้มชะลอตัว ราคาสุกรมีทิศทางอ่อนตัว ขณะที่เนื้อไก่จะได้รับแรงหนุนจากการบริโภค เพราะเป็นทางเลือกที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าในภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำ คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของอุตสาหกรรมมีแนวโน้มลดลง yoy สะท้อนผลกระทบจากราคาสุกรที่อ่อนตัวและยอดขายสาขาเดิมที่ชะลอ ในปีหน้ามองว่าความต้องการในประเทศจะอ่อนแอและความอ่อนไหวต่อราคาจะกดดันการบริโภคโปรตีน ซึ่งผู้ผลิตที่มีโมเดลค้าปลีกหรือเน้นส่งออกจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า ขณะที่ผู้เล่นรายใหญ่บางรายเผชิญความเสี่ยงจากมาร์จิ้นที่ลดลง

กลุ่มเทค การเร่งลงทุนในระบบพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็น compute, memory, networking, power และ cooling เพื่อรองรับความต้องการของ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก ยังคงเป็นแกนหลักของธีมเทคโลกในปี 2569

กลยุทธ์การลงทุน เน้นลงทุนบริษัทที่มีศักยภาพการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด และลดน้ำหนักหุ้นที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่นเกินพื้นฐาน รวมถึงหลีกเลี่ยงบริษัทที่มีอัตรากำไรต่ำ อยู่ในอุตสาหกรรมที่แข่งขันสูง

ขณะที่กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ดั้งเดิม คาดว่าปี 2569 จะเป็นลักษณะการฟื้นตัวแบบ L-shaped โดยยังมีความเสี่ยงด้านขาลงที่สำคัญจากความเป็นไปได้ของอุปสงค์ที่ถูกทำลาย เป็นผลจากผลกระทบของมาตรการภาษีที่ยืดเยื้อ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคทั่วโลกที่อ่อนแอลง

อ่านข่าวอื่นๆ : https://hoonsmart.com/archives/392720