HoonSmart.com>>ตลาดสหรัฐฯร่วง โดยดาวโจนส์ลบ 427.09 จุด, ดัชนี S&P500 ลดลง 36.46 จุด, ดัชนี Nasdaq ลดลง 89.76 จุด บอนด์ยีลด์พุ่ง-ข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ คาดเฟดลดดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า ด้านตลาดยุโรปปิดลบ ส่วนราคาน้ำมันปรับขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 1 ธันวาคม 2568 ปิดที่ 47,289.33 จุด ลดลง 427.09 จุด หรือ -0.90% จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นทำให้นักลงทุนเลี่ยงความเสี่ยงในหุ้น บวกกับข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ แม้ยังคงคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับลดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,812.63 จุด ลดลง 36.46 จุด, -0.53%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,275.92 จุด ลดลง 89.76 จุด, -0.38%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 8 จุด มาอยู่ที่ 4.09% จากพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นที่ร่วงลงอย่างหนักส่งผลกระทบต่อตลาดพันธบัตรทั่วโลก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 17 ปีที่ 1.88% ในวันจันทร์ หลังจากที่ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยมีมาว่า BOJ อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุม BOJ ในเดือนนี้
Bitcoin ผู้นำสกุลเงินดิจิทัลร่วงลงราว 6% มาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 86,000 ดอลลาร์สหรัฐฯกดดันตลาดหุ้นให้ปรับตัวลดลง หลังธนาคารประชาชนจีน (PBOC) แถลงเมื่อวันเสาร์ว่า ความเสี่ยงจากการเก็งกำไรและกระแสความนิยมเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลได้กลับมาอีกครั้ง และสกุลเงินดิจิทัลไม่มีสถานะทางกฎหมายเช่นเดียวกับสกุลเงินเฟียต ไม่มีสถานะเป็นเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และไม่ควรนำมาใช้เป็นสกุลเงินในตลาด
หุ้นบริษัทคริปโทเคอร์เรนซีปรับตัวลง โดยหุ้น Coinbase ร่วงลง 4.8% และ Strategy ร่วงลง 3.3%
หุ้น Broadcom และ Super Micro Computer ร่วงลงมากกว่า 4% และ 1% ตามลำดับ บ่งชี้ถึงแรงขายทำกำไรที่เพิ่มขึ้นในบางบริษัทในธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ แต่หุ้น Synopsys บริษัทซอฟต์แวร์ด้านการออกแบบชิป เพิ่มขึ้น 4.9% หลังจาก Nvidia ประกาศลงทุนในบริษัท หุ้น Nvidia เพิ่มขึ้นกว่า 1%
นอกจากนี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มอ่อนแอ โดยดัชนีภาคการผลิตจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ ISM เดือนพฤศจิกายนลดลง 0.5 สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือนที่ 48.2 ซึ่งต่ำกว่า 49.0 ที่คาดการณ์ นอกจากนี้ ดัชนีย่อยราคา ISM เดือนพฤศจิกายนยังเพิ่มขึ้น 0.5 เป็น 58.5 ซึ่งสูงกว่า 57.5 ที่คาดการณ์ไว้และเป็นสัญญาณของแรงกดดันด้านราคาที่ยังคงอยู่
แต่หุ้นกลุ่มค้าปลีกอย่าง Ulta และ Walmart ต่างก็ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งช่วงเทศกาลวันหยุด จากความหวังที่ว่ายอดขายของบริษัทจะเพิ่มขึ้น
หุ้นผู้ผลิตพลังงานกฌปรับขึ้นจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นกว่า 1% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์
สัปดาห์นี้ความสนใจของตลาดอยู่ที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ ข้อมูลการจ้างงานจาก ADP จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ครั้งแรก รใมทั้งการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนกันยายน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ นิยมใช้ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธันวาคมของมหาวิทยาลัยมิชิแกน
นักลงทุนยังให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุม FOMC ครั้งต่อไปในวันที่ 9-10 ธันวาคม
ขณะเดียวกันก็เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงผู้นำเฟดที่อาจเกิดขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขัดแย้งกับเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดมาเป็นเวลาหนึ่งปี ทรัมป์กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่าได้ตัดสินใจเลือกผู้ที่จะเข้ามาแทนที่พาวเวลล์แล้ว แต่ไม่ได้ระบุชื่อ แม้เควิน แฮสเซ็ตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว จะถูกมองว่าเป็นตัวเต็ง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ โดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและกลุ่มอุตสาหกรรมที่นำโดย Airbus ร่วงลงส่งผลกระทบอย่างหนักต่อดัชนีหลัก ในการซื้อขายที่เริ่มต้นเดือนใหม่ด้วยความระมัดระวัง
ดัชนี STOXX 600 ของยุโรปปิดตลาดลดลง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ห้าติดต่อกันในเดือนพฤศจิกายน ตลาดหุ้นหลักในภูมิภาคส่วนใหญ่ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 575.27 จุด ลดลง 1.16 จุด, -0.20%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,702.53 จุด ลดลง 17.98 จุด, -0.18%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,097.00 จุด ลดลง 25.71 จุด, -0.32%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,589.44 จุด ลดลง 247.35 จุด, -1.04%
กลุ่มอุตสาหกรรมลดลงมากที่สุด โดยลดลง 1.2% ส่วนหนึ่งมาจากหุ้น Airbus ที่ลดลง 5.7% ซึ่งเป็นการลดลงในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน ผู้ผลิตเครื่องบินรายนี้ระบุว่าพบปัญหาคุณภาพอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบต่อแผงโลหะของเครื่องบินตระกูล A320 จำนวน หนึ่ง แถลงการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทเรียกคืนเครื่องบินเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
หุ้น Thales ซึ่งเป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์สำหรับเครื่องบินที่ได้รับผลกระทบ ร่วงลง 2.2%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศร่วงลง 3.2% เนื่องจากนักลงทุนยังคงลดการลงทุนในกลุ่มนี้ ท่ามกลางความคืบหน้าในการบรรลุข้อตกลงยุติสงครามในยูเครน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และยูเครนได้จัดการเจรจา เมื่อวันอาทิตย์ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการทำข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังมีมุมมองทางบวก แม้จะเผชิญกับอุปสรรคในการยุติสงครามที่ดำเนินมาเกือบสี่ปี
หุ้นบริษัทผลิตอาวุธสัญชาติเยอรมัน Rheinmetall, Hensoldt และ Renk ร่วงลงระหว่าง 2.2% ถึง 4.7% ส่งผลกระทบดัชนี STOXX 600 อย่างหนัก และฉุดดัชนี DAX ของเยอรมนี ให้ร่วงลง 1% อีกด้วย
นักลงทุนต่างทำกำไร เนื่องจากไม่มีปัจจัยกระตุ้นใหม่ๆ ขณะเดียวกันก็ประเมินข้อมูลใหม่ของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ออกมา และแนวโน้มการใช้จ่ายในช่วงวันหยุดหลังจากวัน Black Friday และ Cyber Monday
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูในยุโรปเพิ่มขึ้น 1.2% จากมุมมองของ Deutsche Bank ที่ว่ากลุ่มนี้อยู่ในภาวะที่ดีต่อการเติบโตในปี 2569
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบมกราคม เพิ่มขึ้น 77 เซนต์ หรือ 1.32% ปิดที่ 59.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ หรือ 1.27% ปิดที่ 63.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

