OR มั่นใจ Q4 ไปได้สวย ปี’69 มีเงินสด 35,000 ล้านบ.ลุยลงทุน

HoonSmart.com>>”ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก”(OR) มั่นใจผลงานไตรมาส 4/68  โต จากราคาน้ำมันไม่ผันผวนมาก บริหารสินค้าคงคลังเหมาะสม-ทำเฮดจ์จิ้ง ปีหน้ายังเดินหน้าลงทุนธุรกิจ Mobility และ Lifestyle ต่อเนื่อง ด้านปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ดีลเลอร์เปลี่ยนไปใช้แบรนด์ Local ราว 10% หรือ 50 ปั๊ม ด้านธุรกิจ EV จะโตตามจำนวนรถ ส่วน Café Amazon ได้พรีเซ็นเตอร์”อิ้งค์ วรันธร”ผลักดันสินค้าพรีเมียมวางเป้าโต 50% 

น.ส.วิไลวรรณ กาญจนกันติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เปิดเผยว่า ไตรมาส 4 เป็นหนึ่งในไตรมาสที่เป็น High ของบริษัทฯ สังเกตุราคาน้ำมันไม่ผันผวนมาก จะขึ้นลงเล็กน้อยประมาณบวกลบ 60 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ด้วยการบริหารสินค้าคงคลังที่เหมาะสม การทำเฮดจ์จิ้ง และมีการซื้อขายในระดับหนึ่ง ทำให้มั่นใจผลประกอบการไตรมาส 4/68 รวมถึงธุรกิจ Mobility และ Lifestyle เติบโต

สำหรับแผนปี 2569 อยู่ระหว่างจัดทำ โดยยังคงลงทุนธุรกิจ Mobility และ Lifestyle ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

น.ส.วิไลวรรณกล่าวว่า บริษัทฯมีเงินสดจำนวน 35,000 ล้านบาท มีแผนที่จะนำไปลงทุนขยายธุรกิจ Lifestyle ทั้ง Food & Beverage และ Organic ที่จะขยายเองด้วย ยังเปิดโอกาสที่จะ Acquire รูปแบบหรือแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาเสริม Lifestyle รวมทั้งธุรกิจ Mobility แม้การเติบโตจะค่อนข้างมีเสถียรภาพ แต่การลงทุนของบริษัทฯจะเสริมเครือข่ายให้แข็งแกร่ง และ Maintenance ปั๊มให้ดูสวยงาม และได้มาตรฐาน รวมถึงการลงทุนต่างประเทศ ใน Segment ที่มีโอกาสอยู่ ซึ่งมีการลงทุนทั้งในระยะสั้น และระยะยาว

ส่วนการขยายสาขาที่บริหารเอง จะเน้นไปแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศใหม่ ๆ ดูอยู่ แต่ยังไม่มีเป้าหมายชัดเจน และยังมีการให้แฟรนไชน์ Café Amazon ไปในหลาย ๆ ประเทศ เช่น โอมาน, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย เป็นช่องทางการขยายธุรกิจในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่บริษัทฯไม่ได้ไป บริหารเอง แต่ให้แฟรนไซน์กับพาร์เนอร์ที่มีศักยภาพ

“ธุรกิจ Global ไม่โตแรงเหมือนในอดีตทีผ่านมา ด้วยสภาพที่มี EV เข้ามา โดยรวมแล้วตลาด Global ในฟิลิปปินส์ จะน่าจะมีการขยายตัว ปีที่ผ่านมายอดขายเติบโตมากขึ้น ส่วนลาวเติบโตได้ตาม GDP ของประเทศต่อเนื่อง กัมพูชา มีประเด็นความขัดแย้งตามแนวชายแดน และจะมีผลต่อแบรนด์สินค้าไทยในกัมพูชา ดังนั้นตั้งแต่ครึ่งหลังปีนี้ก็จะมีผลต่อยอดขายลดลง และสำหรับปีหน้าคาดหวังว่าถ้าเหตุการณ์กลับมาปกติ ก็สามารถ ฟื้นตัว้ได้ในช่วงครึ่งหลังปี 2569”

อย่างไรจากปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้ดีลเลอร์ขอย้ายไปใช้แบรนด์ Location ประมาณ 10% หรือ 50 ปั๊ม”

สำหรับ Found & Found ยังอยู่ในขั้นตอนทดสอบในช่วง 1-2 ปีแรก ในปี 2569 จะมีเปิด Sale point (จุดขาย) ที่เป็นเป้าหมายประมาณ 50 จุด เพื่อทดสอบตลาด และทดสอบผลิตภัณฑ์ด้วย ซึ่งยอดขายก็ดีขึ้นตามลำดับ จากการเลือก Location ที่เหมาะสม และมีการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่นิยม

ส่วนธุรกิจ Budget Hotel ตอบโจทย์นักเดินทาง ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะได้เห็นความร่วมมือกับพันธมิตรภายในสิ้นปีนี้ และปี 2569 ก็จะเริ่มก่อสร้างใน Location ที่เหลือแล้ว

ด้านธุรกิจสะดวกซัก Otteri ทางบริษัทได้เข้าไปลงทุนด้วย แม้ว่ามีผู้เล่นใหม่เข้าไม่ยาก แต่บริษัทมีการปรับปรุง Location, Application ปัจจุบันธุรกิจเติบโตในระดับหนึ่ง ไม่ถึงกับโตมาก ซึ่งจะมีขยายไปต่างประเทศด้วย ตอนนี้มีการทดสอบ 10 กว่าสาขาในกัมพูชาอยู่ ซึ่งการซักผ้าในร้านสะดวกซื้อเป็นเรื่องใหม่ ทำให้ธุรกิจสะดวกซักดีมากในกัมพูชา

น.ส.ปิติรัตน์ รัตนโชติ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ OR กล่าวว่า การเติบโตธุรกิจ EV ขึ้นอยุ่กับการเติบโตของจำนวนรถ OR ไม่คิดลงทุนในธุรกิจ EV ที่เกินกว่าจำนวนรถที่เติบโต เพราะยังต้องการ Utilization จากคนมาใช้รถ ปีนี้มีการเพิ่ม Location ไป 17 แห่ง เทียบ QoQ การเติบโตไปข้างหน้ายังมีอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ขึ้นกับจำนวนรถของคนมาใช้ ซึ่งก็คงจะแบบเติบโตแบบชะลอตัวลง ซึ่งบริษัทฯพยายามที่จะพัฒนา Application หรือดูในส่วนฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้รองรับการใช้ของผู้คน ปัจจุบัน OR ยังเป็นผู้นำในตลาด ที่ผ่านมาผลประกอบการส่วน EV ก็ยังดี แม้จะยังติดลบเพราะมีต้นทุนที่ลงทุนไป วันนี้จำนวนรถใช้มากขึ้น ทำให้การติดลบลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งยังเป็นธุรกิจที่ดีต่อ OR

สำหรับ Café Amazon ซึ่งได้พรีเซ็นเตอร์”อิ้งค์ วรันธร”มาช่วยในส่วนของการรับรู้ในแบรนด์ที่เป็นพรีเมียม มาช่วยเพิ่มในส่วนพรีเมียม ซึ่งมีอัตรามาร์จิ้นสูงกว่าปกติ แต่ผลิตภัณฑ์พรีเมียมมีอยู่น้อยมากเมื่อเทียบกับสินค้าปกติ โดยบริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายสำหรับ”อิ้งค์”ต้องการเติบโตผลิตภัณฑ์พรีเมียม 50% ถ้ามองภาพรวมการเติบโตยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ดีขึ้น 1-2% เรียกได้ว่ามาถูกทาง

การขยายสาขาของ Café Amazon ปี 2568 ตั้งเป้าที่ 285 สาขา สามารถนำไปเทียบเคียงกับปี 2569 ได้ ปัจจุบันมี 4,400 สาขา ยังเติบโตต่อได้อีก แต่คงจะลงทุน Size ที่เป็นขนาดเล็ก ๆ มากกว่า  ส่วนความต้องการใช้น้ำมันมักจะเติบโตตาม GDP ของประเทศ ซึ่ง GDP ของประเทศไทยในปี 2569 น่าจะชะลอตัว สะท้อนวอลุ่มอาจจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1% แต่ถ้าลงที่ตลาด Retail จะพบว่าเริ่มหดตัวแล้ว จากการที่มีรถไฟฟ้าเข้ามา ทำให้ใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น และที่มีเส้นทางมากขึ้น  ทำให้การใช้น้ำมันลดลง แต่ OR ลดน้อยกว่าตลาด ทิศทางต่อไปก็เชื่อว่าจะยังลดลงน้อยกว่าตลาด ในส่วนน้ำมัน Jet ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหัวใจสำคัญทำให้ธุรกิจยังเติบโต

———————————————————————————————————————————————————–