ตลท. เผย อบก.รับรองระบบ SETCarbon ตั้งเป้า “500 บจ.+2 ธนาคาร”ใช้บริการ

HoonSmart.com>>ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยแพลตฟอร์มดิจิทัล SETCarbon ได้รับการรับรองจาก อบก. ในฐานะ “แพลตฟอร์มรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร” เสริมศักยภาพธุรกิจเข้าถึงสินเชื่อสีเขียว ตั้งเป้า 3–5 ปี มีบจ.เพิ่ม 500 แห่ง ปี’69 ธนาคารเข้าอีก 2 ราย พร้อมขยายสู่ซัพพลายเชน มุ่งสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำปี 2593

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานพัฒนาความยั่งยืนตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “SETCarbon” ระบบคำนวณคาร์บอนแพลตฟอร์มดิจิทัลในการจัดการข้อมูลคาร์บอนของภาคธุรกิจ ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ในประเภท “แพลตฟอร์มการรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร” ผลักดันภาคธุรกิจไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม

SETCarbon เป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของตลาดทุนไทยในการรวบรวมข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคธุรกิจอย่างเป็นระบบและมีมาตรฐาน ผ่านการเชื่อมโยงกับระบบ e-One Report ของตลาดหลักทรัพย์ฯ

จุดเด่นที่แตกต่างของ SETCarbon จากแพลตฟอร์มอื่น ได้แก่

-เทมเพลทข้อมูลกิจกรรมก๊าซเรือนกระจกรายอุตสาหกรรมที่ง่ายต่อการจัดเก็บข้อมูล

-ความสามารถในการเชื่อมต่อกับหลายหน่วยงาน เช่น ธนาคารและสถาบันการเงิน ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ภาคธุรกิจเข้าถึงสินเชื่อสีเขียวได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น

การรับรองครั้งนี้เป็นการรับรองในระดับประเทศที่ยืนยันความน่าเชื่อถือของ SETCarbon และความถูกต้องของกระบวนการคำนวณ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่บริษัทจดทะเบียนและภาคธุรกิจไทยว่า ระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมาตรฐาน โปร่งใส และสอดคล้องกับมาตรฐานการคำนวณก๊าซเรือนกระจกระดับสากล อาทิ

-Carbon Footprint for Organization (CFO)

-GHG Protocol และ ISSB (IFRS S2)

ซึ่งจะช่วยให้ข้อมูลคาร์บอนของภาคธุรกิจไทยมีความน่าเชื่อถือและสามารถใช้อ้างอิงได้ทั้งในและต่างประเทศ

คุณสมบัติเด่นของ SETCarbon ได้แก่

1) ระบบครบวงจรบนแพลตฟอร์มเดียว รองรับการคำนวณ จัดเก็บ วิเคราะห์ และรายงานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกแบบ end-to-end ช่วยลดความซับซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูล และ

2) มาตรฐานระดับประเทศ SETCarbon ยังเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนา “ฐานข้อมูลคาร์บอนกลาง” (Anchor Dataset) ของประเทศ สร้างมาตรฐานข้อมูลเดียวกันสำหรับทุกภาคส่วน

สำหรับ การรับรองนี้มีอายุ 3 ปี โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นหนึ่งใน 7 องค์กรในประเทศไทยที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อบก. ในประเภทดังกล่าว การได้รับการรับรองครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจไทยในการเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593 (2050)

นายศรพล กล่าวว่า ระยะเปิดให้บริการระบบ SETCarbon บริษัทจดทะเบียน(บจ.) ซึ่งถึง 31 ต.ค.2568 มีจำนวน 299 บริษัท และตั้งเป้าหมายว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้าจะมีบจ.มาใช้บริการถึง 500 บริษัท เพราะบริษัทขนาดกลางและขนาดใหญ่บางส่วน มีระบบคำนวณคาร์บอนของตัวเองอยู่แล้ว ขณะที่ส่วนใหญ่ยังไม่มี แต่การจะทำระบบการคำนวณเองต้องใช้ทุนสูงอย่างน้อย 4 แสนบาท และมีความยุ่งยาก ตลท.จึงทำ SETCarbon มาให้ใช้ฟรี

นอกจากนี้ ยังให้บริการแก่ลูกค้าของธนาคารพันธมิตร 2 ราย ได้แก่ ทีเอ็มบีธนชาต และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank)  ได้เริ่มนำระบบไปใช้แล้ว เพื่อออกผลิตภัณฑ์ Green Loan ให้กับบริษัทที่ต้องการปรับตัวสู่ Green Transition และปี 2569 จะมีอีก 2 ธนาคารเข้ามาใช้บริการแพล็ตฟอร์มนี้ เพื่อนำไปให้ลูกค้าใช้บริการ รวมเป็น 4 แห่งในปีหน้า คาดจะมีบริษัทไม่ต่ำกว่า 300 ราย

SETCarbon ถูกออกแบบให้เป็น Preferred Platform สำหรับธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วม โดยลูกค้าที่ใช้ระบบจะได้รับ Incentive ทางการเงิน เช่น อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่ต่ำลง เนื่องจากธนาคารสามารถใช้ข้อมูล Carbon Accounting Statement ควบคู่กับ Financial Statement ในการพิจารณาสินเชื่อ ช่วยลดขั้นตอนการส่งเอกสาร ,เพิ่มความรวดเร็วในการอนุมัติ และสร้างความมั่นใจให้ธนาคารและนักลงทุนมั่นใจในข้อมูล

สำหรับ การพัฒนาต่อยอดระบบในระยะถัดไป หลังจากนี้อีกประมาณ 5 ปี จะขยายไปยังซัพพลายเชนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบเพื่อให้ครอบคลุม Scope 3 รองรับการคำนวณคาร์บอนตลอดห่วงโซ่อุปทาน และให้สามารถเชื่อมกับข้อมูลคาร์บอนฟุตพรินต์ระดับสากล เพื่อให้เกิดผลบวกต่อระบบการค้าระหว่างประเทศ สร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในระดับสากล

พร้อมมี Dashboard สำหรับติดตามผลการดำเนินงานด้านคาร์บอนเทียบกับเป้าหมายทางการเงิน พร้อมพัฒนา Carbon Data API เชื่อมต่อกับทาง อบก. และหน่วยงานต่าง ๆ สามารถเชื่อมต่อและใช้ข้อมูลได้สะดวก

รวมถึงการเพิ่ม GHG Protocol Template ให้ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม มุ่งสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการเงิน เพื่อขยายการใช้ประโยชน์จากข้อมูลคาร์บอนในภาคเศรษฐกิจ และขับเคลื่อนตลาดทุนไทยสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม