ดาวโจนส์ปิดดิ่ง 797 จุด กังวลแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดร่วง ดาวโจนส์ดิ่ง 797 จุด แรงเทขายหุ้นเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ด้านซัตดาวน์สหรัฐฯ ที่ยาวนานที่สุดสิ้นสุดลง สร้างความกังวลต่อการปรับลดดกเบี้ยเดือนธ.ค.อาจมีความไม่แน่นอน หลังขาดรายงานเศรษฐกิจสำคัญเป็นเวลานาน “ราคาน้ำมันดิบ” ขยับตัวขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 รวมทั้งดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq พากันร่วงจากแรงเทขายหุ้นเทคโนโลยีที่ต่อเนื่อง ขณะที่การสิ้นสุดของการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา ส่งผลให้บรรดานักลงทุนเกิดความกังวลว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) อาจมีความไม่แน่นอน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 47,457.22 จุด ลดลง 797.60 จุด, -1.65%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,737.49 จุด ลดลง 113.43 จุด, -1.66%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,870.36 จุด ลดลง 536.10 จุด, -2.29%

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในการซื้อขายก่อนหน้า ส่วนดัชนี S&P 500ลดลงอย่างเห็นได้ชัดในกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร นำโดยหุ้น Disney ที่ลดลงเกือบ 8% จากผลประกอบการไตรมาสที่สี่ของปีบัญชีที่น่าผิดหวัง รวมถึงหุ้นเทคโนโลยีสารสนเทศ

เมื่อค่ำวันพุธ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวส่งผลให้การปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่นานถึง 43 วัน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดสิ้นสุดลง แต่แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ โดยเฉพาะการจ้างงานเดือนตุลาคมและข้อมูลเงินเฟ้อ จะได้รับผลกระทบอย่างถาวร และอาจจะไม่มีวันได้รับการเผยแพร่ และการปิดทำการอาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่สี่ลดลงสูงสุด 2 จุด อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อ GDP ของสหรัฐฯ เพียงเล็กน้อย

ภาวะปิดทำการของรัฐบาลที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทำให้ธนาคารกลางดำเนินการอย่างไร้ทิศทาง เนื่องจากขาดรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจนี้ทำให้การคาดการณ์การต่อลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมและปีหน้ามีความซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อแนวคิดของธนาคารกลางสหรัฐ

การคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสมากกว่า 51% ที่เฟดซึ่งพึ่งพาข้อมูล จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืนลง 0.25% ในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีในเดือนธันวาคม ซึ่งลดลงอย่างมากจากโอกาส 62.9% ที่คาดการณ์ไว้เมื่อวันก่อน ตามข้อมูลจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME

ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยยังผลักดันให้นักลงทุนยังคงเทขายหุ้นบริษัทเทคโนโลยีต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริษัทในธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าของบริษัทกลุ่มนี้ โดยหุ้นผู้นำด้าน AI อย่าง Nvidia ลดลงกว่า 3.5% และหุ้น Tesla ลกลงกว่า 6% ซึ่งถือเป็นการลดลงแรงที่สุดในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี Magnificent Seven

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ ขณะที่นักลงทุนเตรียมรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ หลังจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลที่ยาวนานที่สุดของประเทศสิ้นสุดลง บวกกับการร่วงลงของ Siemens หลังจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ถ่วงการปรับขึ้นของตลาด

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 580.67 จุด ลดลง 3.56 จุด, -0.61%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,807.68 จุด ลดลง 103.74 จุด, -1.05%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,232.49 จุด ลดลง 8.75 จุด, -0.11%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,041.62 จุด ลดลง 339.84 จุด, -1.39%

เมื่อช่วงค่ำวันพุธ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ลงนามในกฎหมายยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาล ซึ่งเปิดทางให้หน่วยงานรัฐบาลกลางกลับมารวบรวมข้อมูลสำคัญต่อการกำหนดนโยบายอีกครั้ง

รายงานการจ้างงานประจำเดือนกันยายนน่าจะเป็นข้อมูลชุดแรกที่จะได้รับการเผยแพร่ หลังจากผลสำรวจภาคเอกชนชี้ให้เห็นถึงสัญญาณตลาดแรงงานที่อ่อนแอ นักลงทุนจึงคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมยุโรปลดลง 1.8% จากหุ้น Siemens ที่ร่วงลง 9.4% หลังจากผลการดำเนินงานไตรมาสสี่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อย และการปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของยอดขายในระยะกลางไม่ทำให้นักลงทุนคลายกังวล

กลุ่มบริการทางการเงินลดลง 2.3% โดยหุ้น 3i Group ร่วงลง 17.4% เป็นการลดลงมากที่สุดภายในวันเดียว หลังจากที่บริษัทระบุว่ามีความระมัดระวังในการลงทุนใหม่

กลุ่มเทคโนโลยีลดลง 0.5% ขณะที่หุ้นพลังงานลดลง 1.2% หุ้น Merck บริษัทด้านเฮลท์แคร์ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 4.9% หลังจากรายงานกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่ เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรแทบจะไม่ขยายตัวเลยในไตรมาสที่สาม ขณะเดียวกัน การผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนกลับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ในเดือนกันยายน เป็นผลจากข้อมูลของไอร์แลนด์

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.34% ปิดที่ 58.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.48% ปิดที่ 63.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–