HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 326 จุด ทำสถิติสูงสุดใหม่ เหนือ 48,000 จุด เป็นครั้งแรก ด้านหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ผันผวนฉุดดัชนี Nasdaq ลงต่อ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ร่วงแรงกว่า 4% WTI หลุดต่ำ 60 เหรียญสหรัฐฯ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป”ปิดนิวไฮ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 12พฤศจิกายน 2568 พุ่งขึ้นมาทำสถิติสูงสุดใหม่ปิดที่ 48,254.82 จุด เพิ่มขึ้น 326.86 จุด หรือ +0.68% ซึ่งเป็นการปิดเหนือ 48,000 จุดเป็นครั้งแรก ขณะที่หุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ผันผวน เนื่องจากมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นที่สถานการณ์การปิดหน่วยงานในสหรัฐฯ ที่ยาวนานเป็นประวัติการณ์จะสิ้นสุดลงในเร็วๆ นี้
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,850.92 จุด เพิ่มขึ้น 4.31 จุด, +0.06%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,406.46 จุด ลดลง 61.84 จุด, -0.26%
ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นดีกว่าดัชนีหลักอื่น ๆ ด้วยแรงหนุนจากหุ้นในธนาคาร เช่น Goldman Sachs, JPMorgan, American Express, Morgan Stanley, Wells Fargo และ Bank of America ที่ทำสถิติใหม่อีกครั้งในระหว่างวัน โดยหุ้น Goldman Sachs ปิดบวก 3.5%, หุ้น JPMorgan เพิ่มขึ้น 1.5% หุ้น American Express บวก 0.71%, Morgan Stanley ปิดบวก 2.05%, Wells Fargo เพิ่มขึ้น 0.081% และ Bank of America เพิ่มขึ้น 0.90%
กองทุน Financial Select SPDR Fund ซึ่งติดตามหุ้นกลุ่มการเงินใน S&P 500 เพิ่มขึ้นเกือบ 1%
หุ้นอื่นๆ ที่มีผลประกอบการเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับเศรษฐกิจ เช่น Caterpillar ก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน
หุ้นเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นในช่วงเช้า หลังจากซีอีโอของ AMD เปิดเผยแนวโน้มทางการเงินระยะยาวที่สดใสจากแรงผลักดันด้าน AI ส่งผลให้ราคาหุ้น AMD พุ่งขึ้น 9% อย่างไรก็ตาม หุ้นยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอื่นๆ ปรับตัวลดลง ซึ่งรวมถึง Amazon, Apple และ Tesla
ขณะเดียวกัน นักลงทุนก็มีความหวังต่อการลงมติสำคัญในสภาผู้แทนราษฎรในเย็นวันพุธตามเวลาสหรัฐฯ(ตรงกับช่วงเช้าของวันที่ 13 พ.ย.ตามเวลาไทย) ซึ่งอาจยุติภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ โดยทำเนียบขาวระบุว่าประธานาธิบดีทรัมป์อาจลงนามเพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมายหลังจากนั้น
แต่ยังไม่ชัดเจนว่าการยุติการปิดหน่วยงานจะทำให้มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ล่าช้าจากการหยุดชะงัก ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในทันทีหรือไม่ ทำเนียบขาวกล่าวเมื่อวันพุธว่ารายงานตลาดแรงงานและอัตราเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคม น่าจะไม่มีการเผยแพร่ เนื่องจากหน่วยงานรัฐบาลหยุดรวบรวมข้อมูลระหว่างการปิดหน่วยงาน
นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการ โดย Cisco จะรายงานหลังตลาดปิดทำการ ส่วนในสัปดาห์หน้า Nvidia กำหนดเผยแพร่
ตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นต่อเนื่องและปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง โดยได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นว่าสถานการณ์การปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้ออาจคลี่คลายลงได้ และจากข่าวภาคธุรกิจที่สดใสอย่างต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นหลักๆ อยู่ในแดนบวก
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 584.23 จุด เพิ่มขึ้น 4.10 จุด, +0.71%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,911.42 จุด เพิ่มขึ้น 11.82 จุด, +0.12%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,241.24 จุด เพิ่มขึ้น 85.01 จุด, +1.04%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,381.46 จุด เพิ่มขึ้น 293.40 จุด, +1.22%
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนดีขึ้นหลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐฯ อนุมัติร่างกฎหมายงงบประมาณชั่วคราวเพื่อยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลที่นาน 43 วัน สูงสุดในประวัติศาสตร์ โดยตลาดคาดการณ์ว่าร่างกฎหมายจะผ่านการพิจารณาอย่างเต็มรูปแบบ
แม้มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่สัญญาณที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯ กำลังอ่อนแอลง อาจผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีมุมมองด้านนโยบายการเงินในเชิงผ่อนปรนมากขึ้น
ธนาคารพาณิชย์เป็นแรงหนุนหลักของดัชนี STOXX โดย ABN Amro ธนาคารพาณิชย์สัญชาติเนเธอร์แลนด์เพิ่มขึ้น 3.5% หลังจากที่ประกาศผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่ง และได้เข้าซื้อกิจการธนาคารพาณิชย์ NIBC Bank ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ในประเทศ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตลาดภายในประเทศ
หุ้นการเงินในยุโรปปรับตัวขึ้นดีกว่าตลาดโดยรวม โดยได้รับแรงหนุนหลักจากผลประกอบการที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ตลาดหุ้นสเปนและอิตาลีที่มีธนาคารพาณิชย์จำนวนมากปรับขึ้นดีกว่าดัชนี STOXX ของภูมิภาคอย่างเห็นได้ชัดในปีนี้
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ของยุโรปเพิ่มขึ้น 1.1% ส่วนกลุ่มพลังงานลดลง 0.6%
หุ้น SSE ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 16.8% หลังจากเปิดเผยแผนการลงทุน 5 ปี มูลค่า 33,000 ล้านปอนด์ บริษัทมุ่งหวังที่จะยกระดับเครือข่ายไฟฟ้าที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอังกฤษและธุรกิจพลังงานหมุนเวียน
หุ้น Infineon บริษัทผู้ผลิตชิปรายของเยอรมนี พุ่งขึ้น 6.9% หลังจากปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ทั้งปี จากความต้องการชิปที่ใช้ในศูนย์ข้อมูลปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เพิ่มสูงขึ้น
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 2.55 ดอลลาร์ หรือ 4.18% ปิดที่ 58.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 2.45 ดอลลาร์ หรือ 3.76% ปิดที่ 62.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

