EGCO ร่วมโชว์เคสธุรกิจไฟฟ้ายั่งยืน อนุรักษ์ธรรมชาติ-ชีวภาพ 7 ประเทศ

HoonSmart.com>>ผลิตไฟฟ้า ร่วมโชว์เคสธุรกิจไฟฟ้ายั่งยืน ประกาศเจตจำนงด้านการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติใน 7 ประเทศทั่วโลก พร้อมขับเคลื่อนโครงการฟื้นฟูระบบนิเวศ ป่าต้นน้ำ และสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างเป็นรูปธรรม สะท้อนแนวคิด “ต้นทางดี ผลลัพธ์ปลายทางยั่งยืน”

นายธวัชชัย สำราญวานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า (EGCO) หรือ EGCO Group ได้เข้าร่วมร่วมสนับสนุนการจัดการประชุมวิชาการนานาชาติด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ปี 2568 : International Conference on Biodiversity 2025 (IBD 2025) ภายใต้หัวข้อ “Biodiversity and Humanity in Global Crisis” หรือ “ความหลากหลายทางชีวภาพกับมนุษยชาติในยุควิกฤตโลก” โดยภายในงาน EGCO Group ได้ร่วมจัดบูธนิทรรศการในหัวข้อ “พลังงานเพื่อชีวิต EGCO Group เส้นทางสู่เป้าหมายการปกป้องและฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ” เพื่อแบ่งปันประสบการณ์การดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานที่เกี่ยวเนื่องในระดับสากล ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพในทุกพื้นที่ที่ดำเนินธุรกิจ ในยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน

นายธวัชชัย กล่าวว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพในทุกพื้นที่ที่ดำเนินธุรกิจ ครอบคลุม 7 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และสหรัฐอเมริกา โดยยึดหลักความเชื่อขององค์กรที่ว่า “ต้นทางดี จะก่อกำเนิดผลลัพธ์ปลายทางที่ดี” ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
EGCO มุ่งเน้นการควบคุมและลดผลกระทบเชิงลบจากกิจกรรมการผลิตไฟฟ้า พร้อมทั้งส่งเสริมผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนและระบบนิเวศ โดยตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจที่ต้องพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในการผลิต

บริษัทฯ ได้ประกาศคำแสดงเจตจำนงด้านการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพและการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติพื้นฐานสำหรับโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว รวมถึงโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา โดยครอบคลุมถึงคู่ค้าที่ทำธุรกิจร่วมกับบริษัทฯ ทั้งทางตรงและทางอ้อมตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีแนวทางการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพที่สอดคล้องกันทั่วทั้งองค์กร

แนวทางดังกล่าวประกอบด้วยมาตรการบรรเทาผลกระทบตามลำดับขั้น ได้แก่ การหลีกเลี่ยงผลกระทบ การลดผลกระทบ การฟื้นฟูหรือฟื้นสภาพ การชดเชย การเปลี่ยนแปลง และการตรวจสอบ พร้อมทั้งจัดทำแผนการฟื้นฟูหรือชดเชยผลกระทบต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างเป็นรูปธรรม

รวมถึงยึดแนวปฏิบัติที่ดีในระดับสากล โดยอ้างอิงนิยามประเภทพื้นที่และข้อกำหนดขององค์การระหว่างประเทศเพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) รวมถึงพื้นที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตามประกาศขององค์การยูเนสโก (UNESCO) เพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทฯ สอดคล้องกับมาตรฐานระดับโลก
ตลอดระยะเวลากว่า 33 ปีของการดำเนินธุรกิจ EGCO ได้ดำเนินโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างต่อเนื่อง ผ่านโรงไฟฟ้าในกลุ่มเอ็กโก โดยมีโครงการสำคัญ อาทิ
– การสำรวจและจัดทำฐานข้อมูลสิ่งมีชีวิตรอบโรงไฟฟ้า เพื่อบ่งชี้ความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งด้านประเภท ชนิด จำนวน และการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิต เช่น โรงไฟฟ้าขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดทำโครงการข้อมูลฐานสัตว์ และโครงการสำรวจสัตว์หน้าดินบริเวณชายหาดขนอมและพื้นที่ใกล้เคียง
– การอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศของสัตว์ป่า พื้นดิน และแหล่งน้ำ โดยโรงไฟฟ้าขนอมร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ จัดโครงการ “คืนป่าชายเลนบ้านดอนหาร สานสัมพันธ์ชุมชน” ซึ่งปลูกป่าชายเลนมากกว่า 10 ชนิด รวมกว่า 700 ต้น
– โรงไฟฟ้า Quezon และ San Buenaventura ในประเทศฟิลิปปินส์ ดำเนินโครงการอนุรักษ์เต่าทะเล ซึ่งเป็นสัตว์เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ โดยสามารถช่วยเหลือเต่าทะเลไปแล้วกว่า 85 ตัว นับตั้งแต่ปี 2550
– การปลูกจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์ในกลุ่มพนักงาน ชุมชน และประชาชนในพื้นที่ดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างความเข้าใจและมีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ยังขับเคลื่อนการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำในพื้นที่สำคัญของประเทศไทย ผ่าน “มูลนิธิไทยรักษ์ป่า” ซึ่งเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่บริษัทฯ ก่อตั้งและสนับสนุนมาตั้งแต่ปี 2545 โดยมีภารกิจหลักในการปลูกจิตสำนึกรักษ์ธรรมชาติในเยาวชน ประชาชน และนักท่องเที่ยว ผ่านโครงการพัฒนาเส้นทางศึกษาธรรมชาติระหว่างปี 2558–2567 มูลนิธิฯ ได้พัฒนาและปรับปรุงเส้นทางศึกษาธรรมชาติสำเร็จแล้ว 10 เส้นทาง ในอุทยานแห่งชาติ 4 แห่ง ครอบคลุม 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช และชัยภูมิ สำหรับปี 2568 อยู่ระหว่างการปรับปรุงเส้นทางศึกษาธรรมชาติยอดดอยปุย ในอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถส่งมอบให้กรมอุทยานฯ เปิดใช้งานได้ภายในสิ้นปีนี้

ทั้งนี้ การประชุมวิชาการนานาชาติด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ปี 2568 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5–7 พฤศจิกายน โดยมีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นเจ้าภาพหลัก ร่วมกับหน่วยงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ อาทิ สวทช. สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา มูลนิธิสวนหลวง ร.9 และองค์การมหาชนด้านเศรษฐกิจชีวภาพ จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา และเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างนักวิจัยไทยและต่างประเทศ ครอบคลุมทั้งด้านวิชาการ การอนุรักษ์ การฟื้นฟู และการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงการสร้างความร่วมมือในระดับสากลเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน