SCG ร่วมโรดโชว์ลอนดอน เร่งขยายตลาดเวียดนาม

HoonSmart.com>>ปูนซิเมนต์ไทย โรดโชว์นักลงทุนที่ลอนดอนระบุแนวโน้มไตรมาส 4 ปี 2568 และไตรมาส 1 ปี 2569 ยังเผชิญแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกและอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ เดินหน้าปรับโครงสร้าง-เร่งขยายตลาดเวียดนาม

บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) หรือ SCG รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึง แผนกลยุทธ์และผลประกอบการล่าสุดในการนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุน ณ กรุงลอนดอน ระหว่างวันที่ 10-11 พ.ย.2568 (SCG NDR in London Hosted by CLSA November 10 – 11, 2025) ว่า แนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 4 ปี 2568 และไตรมาส 1 ปี 2569 ว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวและซบเซาอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศที่ยังไม่เอื้ออำนวย จะยังคงเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยหลายด้าน ความไม่แน่นอนด้านการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐจากการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ความไม่แน่นอนด้านการค้า ส่งผลให้การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเป็นไปอย่างล่าช้า และ

ภาวะอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ทั่วโลกยังอยู่ในช่วงขาลงจากความต้องการที่ลดลง อันเป็นผลจากสงครามการค้าที่ดำเนินอยู่ ราคาพลังงานโลกมีความผันผวนสูง สร้างแรงกดดันต่อภาคการผลิตและต้นทุนวัตถุดิบ โดยเฉพาะส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์โพลิโพรพิลีน (PP) ที่ลดลงต่อเนื่องเหลือเพียง 259 ดอลลาร์/ตัน จากต้นทุนแนฟทาที่สูงขึ้นและอุปทานใหม่ในภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม ในภูมิภาคอาเซียน เศรษฐกิจเวียดนามยังคงขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในภาคการผลิตและการส่งออก แม้จะมีความท้าทายในบางอุตสาหกรรม ทั้งนี้ SCG ยังคงใช้เวียดนามเป็นฐานสำคัญในการขยายตลาดและสร้างการเติบโตในภูมิภาคอาเซียน

ทั้งนี้ บริษัทฯให้ความสำคัญกับ 4 กลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจในระยะต่อไป โดยมุ่งเน้นการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน ควบคู่กับการปรับโครงสร้างธุรกิจและขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน เพื่อรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วย
1.รักษาเสถียรภาพของกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่อง และบริหารเงินสดในมือให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
2.การเพิ่มประสิทธิภาพของศูนย์การผลิตและการดำเนินงาน พร้อมทั้งปรับโครงสร้างองค์กร
กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ (SCGC) มุ่งเพิ่มการใช้วัตถุดิบโพรเพน และเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (HVA)
กลุ่มซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง และเซรามิก ใช้เวียดนามเป็นฐานการส่งออกไปยังตลาดเฉพาะกลุ่ม,ตลาดไทยเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น ปูนซีเมนต์ลดคาร์บอน และกระเบื้องพอร์ซเลนเกรดพรีเมียม,ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านค้าปลีกและระบบกระจายสินค้า
กลุ่มบรรจุภัณฑ์ (SCGP)ให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคในอาเซียน พร้อมเสริมสร้างการทำงานร่วมกันในระดับภูมิภาค
3.กระจายตลาดและผลิตภัณฑ์ เพิ่มการเจาะตลาดเวียดนามอย่างเต็มที่,พัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (HVA) และขยายตลาดสินค้ากลุ่ม Smart Value Products (SVP) ไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่
4.เร่งกระบวนการขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Divestment)

สำหรับความคืบหน้า การลงทุนในธุรกิจเคมีภัณฑ์ ของ SCGC ได้เดินเครื่องโรงงาน LSP ในเวียดนามอีกครั้งเมื่อ 20 ส.ค. 2568 โดยมีอัตราการใช้กำลังการผลิตรวม 85–90% พร้อมเดินหน้าโครงการ LSPE (Ethane Project) ที่จะช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบได้ถึง 250 ดอลลาร์/ตัน คาดเริ่มผลิตปลายปี 2570
ธุรกิจซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์ Low Carbon Cement รุ่น Gen 3 ช่วยหนุนผลประกอบการในไทยและตลาดส่งออก โดยเฉพาะเวียดนามที่ยอดขายเติบโต 10% YoY ในไตรมาส 3/68
ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ SCGP ยังคงเติบโตอย่างมั่นคงจากฐานผู้บริโภคในอาเซียน โดยเน้นการเสริมสร้างประสิทธิภาพการดำเนินงานในภูมิภาค
ด้านการเงิน SCGลดหนี้สุทธิลงกว่า 32,000 ล้านบาทในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2568 และมีเงินสดในมือกว่า 50,000 ล้านบาท
แม้แนวโน้มระยะสั้นจะยังไม่สดใส แต่ SCG ยังคงยึดมั่นในวินัยทางการเงินและการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในระยะยาว โดยเฉพาะการเร่งเจาะตลาดเวียดนามและการลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียวเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ