HoonSmart.com>>”เอสวีไอ”(SVI)โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ที่ 270 ล้านบาท พุ่ง 196.7% QoQ ความต้องการลูกค้าหลักฟื้นตัว ส่งรายได้โต 19% QoQ ที่ 5,118 ล้านบาท ด้านกำไรขั้นต้นไตรมาส 3 จำนวน 464 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.1% QoQ โดยรายได้และความสามารถในการทำกำไรฟื้นตัว จากสภาวะตลาดที่มีความชัดเจนมากขึ้น
บริษัท เอสวีไอ (SVI) รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 3/2568 กำไรสุทธิ 270 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105 ล้านบาท หรือ 63.6% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 179 ล้านบาท หรือ 196.7% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยรายได้และความสามารถในการทำกำไรในไตรมาส 3/2568 ฟื้นตัว ท่ามกลางสภาวะตลาดที่มีความชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการของลูกค้าปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้รายได้เติบโตจากไตรมาสก่อน โดยได้รับแรงสนับสนุนจากคำสั่งซื้อที่แข็งแกร่งจากลูกค้าหลักรายสำคัญ รวมถึงแนวโน้มทางการค้าระหว่างประเทศที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ภายหลังความชัดเจนด้านนโยบายภาษีตอบโต้ระหว่างประเทศ
ความต้องการจากลูกค้าหลักได้ฟื้นตัวในไตรมาสที่ 3 ส่งผลให้บริษัทมีรายได้ 5,118 ล้านบาท (159.1 ล้านเหรียญสหรัฐ)เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 818 ล้านบาท (28.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือ 19% และเมื่อเปรียบเทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อน รายได้จากงบการเงินรวมลดลง 449 ล้านบาท (2.1 ล้านเหรียญสหรัฐ) ทั้งนี้ รายได้ในสกุลเงินบาทลดลงมากกว่าความเป็นจริง เนื่องจากผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2567 โดยกลุ่มธุรกิจหลักที่มีส่วนสนับสนุนยอดขายในไตรมาสนี้ได้แก่ อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมและระบบเครือข่ายไร้สาย สำหรับสื่อสาร ระบบควบคุมอุตสาหกรรม และอุปกาณ์โสตวิดีทัศน์
บริษัทมีกำไรขั้นต้นของไตรมาส 3 จำนวน 464 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 196 ล้านบาท หรือ 73.1% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 41 ล้านบาท หรือ 9.7% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ ซึ่งช่วยครอบคลุมต้นทุนคงที่ และส่งผล
ให้มีกำไรขั้นต้นแข็งแกร่งขึ้น อัตรากำไรที่ลดลงอย่างมากในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 นั้นมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วและมีนัยสำคัญ
ส่วนกำไรสุทธิจากงบการเงินรวมสำหรับ 9 เดือนแรกของ ปี 2568 จำนวน 504 ล้านบาท ลดลง 550 ล้านบาท หรือ 52.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากผลการดำเนินการในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 โดยมีรายได้จำนวน 13,611 ล้านบาท (413.9 ล้านเหรียญสหรัฐ) ลดลง 2,960 ล้านบาท (52.4 ล้านเหรียญสหรัฐ)หรือคิดเป็น 17.9% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุมาจากรายได้ที่ลดลงในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 อันเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนทางภูมิศาสตร์การเมือง (Geopolitical)
บริษัทมีกำไรขั้นต้นจากงบการเงินรวมสำหรับ 9 เดือนแรกของ ปี 2568 จำนวน 1,064 ล้านบาท ลดลง 607 ล้านบาท หรือ 36.3% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 7.8% เทียบกับ 10.1% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรขั้นต้นที่สูงในครึ่งปีแรกของปี 2567 มาจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น รวมถึงการอ่อนค่าของเงินบาท
