HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดร่วง ดาวโจนส์ลดลง 398 จุด นักลงทุนกลับมากังวลมูลค่าหุ้นบริษัทเทคโนโลยี AI ด้านสถานการณ์จ้างงานเดือนต.ค.เอกชนเลิกจ้างพุ่งจากเดือนก.ย.เกือบ 3 เท่า สร้างความวิตกต่อภาวะเศรษฐกิจ “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 รวมทั้งดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq กลับมาปิดลบอย่างหนักอีกครั้ง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าที่สูงเกินจริงของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ด้านปัญญา ประดิษฐ์ (AI) ยังคงกดดันตลาด อีกทั้งข้อมูลการจ้างงานเดือนตุลาคมจากภาคเอกชนทำให้วิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,912.30 จุด ลดลง 398.70 จุด, -0.84%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,720.32 จุด ลดลง 75.97 จุด, -1.12%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,053.99 จุด ลดลง 445.80 จุด, -1.90%
แรงกดดันต่อตลาดมากที่สุดมาจากหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI โดยNvidia ร่วงลง 3.6%, Microsoftลดลง 2%, Palantir Technologiesร่วงลง 6.8% และ Advanced Micro Devices ดิ่งลง 7.27% ส่วนหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ Qualcomm ร่วงลง 3.6% หลังจากที่ผู้ผลิตชิปรายนี้ประกาศผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ระบุว่าอาจสูญเสียธุรกิจในอนาคตกับ Apple ส่วน Meta Platforms ร่วงลง 2.6% และ Broadcomลดลง 0.94%
ไมค์ มุสซิโอ ประธานบริษัท FBB Capital Partners กล่าวว่า ประเด็นสำคัญคือมุมมองต่อมูลค่า ส่วนใหญ่นั้นสูงมากและตั้งราคาไว้สูงเกินจริงจนทำให้เห็นความแตกต่างในตลาดระหว่างบริษัทที่ทำกำไรได้ดีกว่าและปรับแนวโน้มคาดการณ์ขึ้น กับบริษัทที่อาจจะทำกำไรได้ดีกว่า แต่กลับให้คาดการณ์ที่ไม่ค่อยดีนักเกี่ยวกับผลกำไรสุทธิ หรือในแง่ของกำไรจากการดำเนินงาน
อีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อราคาหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านชิป มาจากเดวิด แซคส์ ราชาด้าน AI และคริปโต ในคณะบริหารของรัฐบาลทรัมป์ กล่าวว่าจะไม่มีเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางสำหรับอุตสาหกรรม AI หลังจากที่ซีเอฟโอของ OpenAI ได้กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางสำหรับการลงทุนด้านชิปใหม่ ซึ่งซีอีโอของ OpenAI ได้ออกมาปฏิเสธในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
นักลงทุนยังให้ความสนใจกับการประชุมผู้ถือหุ้นของ Tesla ซึ่งกำหนดจะเริ่มเวลา 16.00 น. ตามเวลาตะวันออก ที่จะมีการลงมติเกี่ยวกับข้อเสนอค่าตอบแทนมูลค่าล้านล้านดอลลาร์ของ อีลอน มัสก์ ท่ามกลางความกังวลว่าเขาจะลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของบริษัทหากแผนดังกล่าวถูกปฏิเสธ ราคาหุ้น Tesla ร่วงลง 3.5%
การร่วงลงของตลาดยังถูกซ้ำเติมจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดแรงงาน เนื่องจากเดือนตุลาคมมีการประกาศเลิกจ้างจำนวนมาก ข้อมูลจาก Challenger, Gray & Christmas ระบุว่า ในเดือนนี้มีการลดตำแหน่งงานรวมกว่า 153,000 ตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าเดือนกันยายนเกือบ 3 เท่า และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 175% นับเป็นระดับสูงสุดของเดือนตุลาคมในรอบ 22 ปี และเป็นปีที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดสำหรับการเลิกจ้างนับตั้งแต่ปี 2009
ข้อมูลดังกล่าวทำให้เห็นภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากการที่ไม่มีรายงานเศรษฐกิจอันเป็นผลมาจากการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว และถือเป็นการปิดหน่วยงานที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์
ไมค์ มุสซิโอ ประธานบริษัท FBB Capital Partners กล่าวว่า เริ่มเห็นข้อมูลเศรษฐกิจที่มาจากหลายแหล่งมากขึ้นซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล และไม่ได้สดใสนัก และข้อมูลทั้งหมดนั้นกำลังบ่งชี้ถึงความอ่อนแอของตลาด แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการชะลอตัวครั้งใหญ่ และเชื่อว่าหากรัฐบาลเปิดทำการอีกครั้งและข้อมูลหลังจากนั้นแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังมีกำลัง ในช่วงเทศกาลวันหยุด ก็อาจส่งผลให้ตลาดปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปลายปีตามปกติ
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการพิจารณาของศาลฎีกาเกี่ยวกับความถูกต้องตามกฎหมายของภาษีการค้าครั้งใหญ่ของทรัมป์ที่เริ่มขึ้นในวันพุธ แม้รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ จะกล่าวว่าเขามีมุมมองทางบวกก็ตาม ขณะที่ Jefferies Financial Group บริษัทที่ให้บริการทางการเงินและวาณิชธนกิจระดับโลก ประเมินว่า รัฐบาลทรัมป์อาจต้องเตรียมรับมือกับการตัดสินใจที่อาจไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล หลังผู้พิพากษาตั้งคำถามถึงอำนาจตามกฎหมาย
อานิเกต ชาห์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ความยั่งยืนและการเปลี่ยนผ่านของบริษัท ระบุในรายงานวิเคราะห์ว่า ศาลฎีกามีแนวโน้มจะตัดสินให้ภาษีตอบโต้และภาษีการค้าของรัฐบาลทรัมป์เป็นโมฆะ เนื่องจากผู้พิพากษาตั้งคำถามว่าคำว่าการควบคุมการนำเข้าในกฎหมาย IEEPA ( International Emergency Economic Powers Act ) ให้อำนาจรัฐบาลในการเก็บภาษีซึ่งเป็นอำนาจของสภาคองเกรสหรือไม่ และ การที่รัฐบาลไม่สามารถยกตัวอย่างคำพิพากษาหรือกรณีอ้างอิงที่ชัดเจนได้ ทำให้แนวโน้มของคดีเปลี่ยนจาก “ก้ำกึ่ง 50-50” ไปสู่ “ความคาดหวังสูงว่าภาษีจะเป็นโมฆะ”
หากศาลมีคำตัดสินให้ยกเลิกมาตรการภาษีดังกล่าว ชาห์เตือนว่า อาจเกิดความผันผวนระยะสั้นในกลุ่มผู้นำเข้าและหุ้นที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากความล่าช้าในการคืนภาษี แต่ในระยะกลาง ตลาดหุ้นอาจได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอนทางการค้าที่ลดลง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลง จากหุ้นเทคโนโลยีที่ตกอยู่ภายใต้แรงขายครั้งใหม่ ขณะที่นักลงทุนประเมินผลประกอบการที่ผสมผสานและข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่น่าผิดหวัง
โดยข้อมูลแสดงให้เห็นว่ายอดขายปลีกในเขตยูโรลดลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนกันยายน กลบความคาดหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวที่นำโดยการบริโภค ทำให้นักลงทุนระมัดระวังอย่างมาก ขณะที่ข้อมูลอีกชุดแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเยอรมนีอาจชะงักในปีนี้ หลังจากหดตัวมาสองปี
ด้านนโยบายการเงิน ธนาคารกลางนอร์เวย์และธนาคารกลางอังกฤษต่างคงอัตราดอกเบี้ยเงินไว้
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 567.90 จุด ลดลง 4.00 จุด, -0.70%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,735.78 จุด ลดลง 41.30 จุด, -0.42%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,964.77 จุด ลดลง 109.46 จุด, -1.36%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,734.02 จุด ลดลง 315.72 จุด, -1.31%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียุโรปนำการปรับตัวลดลง โดยลดลง 1.9% เพราะหุ้นเทคโนโลยีส่วนใหญ่ลดลงจากความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าที่สูงเกินไป
กลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% หุ้น Novo Nordisk บริษัทยาสัญชาติเดนมาร์ก บวก 1.9% หลังจากคู่แข่ง Pfizer แพ้คดีความในการขวางข้อเสนอซื้อ Metsera ของบริษัท จากการเปิดเผยของแหล่งข่าว
หุ้น AstraZeneca เพิ่มขึ้น 3.1% หลังจากผลประกอบการไตรมาสที่สามสูงกว่าที่คาด การณ์ไว้ ส่วนหุ้น Novonesis เพิ่มขึ้น 6.9% หลังจากรายงานยอดขายเติบโตแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ในไตรมาสที่สาม
ส่วนความเคลื่อนไหวหุ้นรายตัวอื่น ๆ ผลประกอบการที่น่าผิดหวังของ Legrand จากฝรั่งเศสยิ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าที่สูงขึ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี Legrand ซึ่งผลิตอุปกรณ์สำหรับศูนย์ข้อมูล ร่วงลง 12.2% นับเป็นวันที่ร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 หลังจากรายงานยอดขายเติบโต 11.9% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย โดยได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
หุ้นผู้ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้ารายอื่นๆ รวมถึง Schneider Electric และ Siemens Energy ร่วงลง 2.9% และ 2.5% ตามลำดับ เนื่องจากนักลงทุนประเมินตลาดที่เพิ่งฟื้นตัวจากความสนใจใน AI
หุ้น Zalando ผู้ค้าปลีกแฟชั่นออนไลน์พุ่งขึ้น 6.6% หลังจากที่ประกาศว่ามีแผนขยายธุรกิจเสื้อผ้ากีฬา หลังจากประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรด้านฟุตบอลในเยอรมนี และรายงานการเติบโตในไตรมาสที่สามที่สูงขึ้น
หุ้น DHL พุ่งขึ้น 8.6% หลังจากที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโลจิสติกส์มีกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสที่สามสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
หุ้น Commerzbank ร่วงลง 2% หลังจากรายงานกำไรสุทธิในไตรมาสที่สามลดลงเกินคาด
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 17 เซนต์ หรือ 0.29% ปิดที่ 59.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.22% ปิดที่ 63.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

