ดาวโจนส์ปิดบวก 225 จุด รับผลประกอบการ-ข้อมูลศก.แกร่ง หวังภาษีทรัมป์บางส่วนยกเลิก

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักฟื้นตัว ดาวโจนส์ปิดบวก 225 จุด ความหวังภาษีบางส่วนอาจถูกยกเลิก หลังศาลฎีกาสหรัฐฯ ตั้งคำถามเชิงท้าทายเกี่ยวกับมาตรการภาษีของทรัมป์ ด้าน “ข้อมูลเศรษฐกิจ-ผลประกอบการ” ดีกว่าคาด บริษัทผู้ผลิตชิป Advanced Micro Devices หนุนหุ้น AI อื่นๆ ฟื้นตัวขึ้นจากร่วงลงวันก่อน ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับลดลง “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 รวมทั้งดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวขึ้นจากความหวังว่าภาษีบางส่วนอาจถูกยกเลิก หลังศาลฎีกาสหรัฐฯ ตั้งคำถามเชิงท้าทายเกี่ยวกับมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมไปถึงข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด บวกกับผลประกอบการที่ดีกว่าคาดของบริษัทผู้ผลิตชิป Advanced Micro Devices หนุนให้หุ้น AI อื่นๆ ฟื้นตัวขึ้นจากที่ร่วงลงในวันก่อนด้วยความกังวลต่อมูลค่า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 47,311.00 จุด เพิ่มขึ้น 225.76 จุด, +0.48%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,796.29 จุด เพิ่มขึ้น 24.74 จุด, +0.37%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,499.80 จุด เพิ่มขึ้น 151.16 จุด, +0.65%

นักลงทุนต่างให้ความสนใจต่อการเริ่มพิจารณาคดีของศาลฎีกาในวันพุธเกี่ยวกับภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประเด็นสำคัญคือประธานาธิบดีมีอำนาจในการบังคับใช้ภาษีดังกล่าวภายใต้พระราชบัญญัติอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ(IEEPA) หรือไม่ ผู้พิพากษาศาลฎีกาได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของภาษีศุลกากรที่เก็บในวงกว้างนี้ โดยสมาชิกทั้งฝ่ายอนุรักษ์นิยมและฝ่ายเสรีนิยมได้มีสอบถามอัยการสูงสุด ดี. จอห์น ซาวเออร์ เกี่ยวกับเหตุผลของรัฐบาลทรัมป์

นักลงทุนต่างมองว่ามีโอกาส 30%ที่ศาลฎีกาจะให้คงใช้มาตรการภาษีของทรัมป์ ลดลงจาก 40% ในสัปดาห์ก่อน เนื่องจากศาลดูเหมือนจะมีความกังขา

หุ้น Fordและ General Motors ซึ่งเป็นสองบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มีความเสี่ยงด้านภาษีศุลกากร ต่างก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 2% ขณะที่ Caterpillar ผู้ผลิตอุปกรณ์ก่อสร้างและเหมืองแร่ เพิ่มขึ้นประมาณ 4%

ตลาดยังได้รับแรงหนุนจาก AMD ที่เพิ่มขึ้น 2.5% ซึ่งส่งผลให้หุ้น AI ตัวอื่นๆ ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย หลังบริษัทประกาศผลประกอบการและรายได้ในไตรมาสที่สามสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

โดย Broadcom และ Micron Technology พลิกกลับจากการร่วงลงในช่วงก่อนหน้ามาเพิ่มขึ้น 2% และประมาณ 9% ตามลำดับ ส่วน Oracle ผู้นำด้าน AI ก็ฟื้นตัวกลับมาบวก 0.86%

นอกจากนี้นักลงทุนในตลาดหุ้นมีความเชื่อมั่นมากขึ้นจากข้อมูลเศรษฐกิจ โดยข้อมูลการจ้างงานของ Automatic Data Processing, Inc. (ADP) และตัวเลขภาคบริการของ สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้

ADP รายงาน การจ้างงานของภาคเอกชนเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 42,000 ตำแหน่ง สูงกว่า22,000 ตำแหน่ง ที่นักวิเคราะห์คาด หลังจากลดลง 29,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน ขณะที่ ISM รายงานดัชนีภาคบริการเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นมาที่ 52.4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน และสูงกว่า 50.8 ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์

ข้อมูลด้านแรงงานที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังแข็งแกร่งน่าจะส่งผลต่อการพิจารณาของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ท่ามกลางการไร้ข้อมูลจากการปิดหน่วยงานของรัฐบาล ขณะที่ความคาดหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สามของเฟด ในเดือนธันวาคมมีมากขึ้น

สตีเฟน มิรัน สมาชิกผู้มีสิทธิออกเสียงรายใหม่ล่าสุดของเฟด เปิดเผยกับ Yahoo Finance เมื่อวันพุธว่า เขาสนับสนุนให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมของเฟดเดือนธันวาคม แม้ว่าเจ้าหน้าที่เฟดที่มีความเห็นให้ชะลอจะมีมากขึ้น

การปิดทำการของหน่วยงานรัฐ ครั้งนี้ถือเป็นการปิดที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา หลังจากเข้าสู่วันที่ 36 ในวันพุธ ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการหยุดชะงักยังคงทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยประเมินความเสียหายไว้ที่ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อสัปดาห์

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกฟื้นตัวจากที่ร่วงลงในช่วงต้นชั่วโมงซื้อขายจากแรงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนประเมินผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มที่มีการปรับตัวลดลงมากที่สุดในช่วงเช้าของวัน ฟื้นตัวขึ้นและปิดลดลงเพียง 0.1%

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 571.90 จุด เพิ่มขึ้น 1.32 จุด, +0.23%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,777.08 จุด เพิ่มขึ้น 62.12 จุด, +0.64%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,074.23 จุด เพิ่มขึ้น 6.70 จุด, +0.08%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,049.74 จุด เพิ่มขึ้น 100.63 จุด, +0.42%

ตลาดยุโรปได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่บรรยากาศสดใสหลังจากตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ดีกว่าคาด ขณะที่ความเสี่ยงจากฟองสบู่ AI อาจยังไม่ส่งผลกระทบในสัปดาห์นี้

หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ลดลง 1% โดยหุ้น Novo Nordisk ลดลง 4.5% หลังจากปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการทั้งปี

หุ้น Siemens Healthineers ร่วงลง 8.6% หลังจากรายงานยอดขายไตรมาสที่สี่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และคาดการณ์แนวโน้มที่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง

กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งร่วงแรงในปีนี้ กลับเพิ่มขึ้น 2.3% โดย BMW เพิ่มขึ้น 6.8% หลังจากอัตรากำไรหลักเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่สาม

หุ้นพลังงานพุ่งขึ้น 0.9% หุ้น Vestas พุ่งขึ้น 14.7% หลังจากรายงานกำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 3 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และจะเปิดตัวโครงการซื้อหุ้นคืน

ฤดูกาลผลประกอบการในยุโรปผ่านมาครึ่งทางแล้ว และข้อมูลที่รวบรวมโดย LSEG แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในยุโรปดีขึ้นอย่างมากจนถึงขณะนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทเหล่านี้มีผลประกอบการต่ำกว่าบริษัทคู่เทียบ ในสหรัฐอเมริกา

ในด้านข้อมูล เศรษฐกิจของโซนยูโรขยายตัวในอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 ในเดือนตุลาคม

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 96 เซนต์ หรือ 1.59% ปิดที่ 59.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 92 เซนต์ หรือ 1.43% ปิดที่ 63.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–