SMO สุดปลื้ม ! นักลงทุนแห่จองคึกคัก ..ไอพีโอเกลี้ยง 3 หุ้นใหญ่ล็อค 100%

HoonSmart.com >> SMO” ปลื้ม !! นักลงทุนกว่า 8,000 ราย แห่จอง IPO 231.60 ล้านหุ้น คึกคัก! ด้านกลุ่มครอบครัวผู้ถือหุ้นหลักประกาศ lock up ทั้งหมด ตอกย้ำความเชื่อมั่นพื้นฐานแกร่ง ขณะที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยส่วนใหญ่ร่วมถือยาว เหลือเพียงสัดส่วน 3% มั่นใจพร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 10 พฤศจิกายน 2568

สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม

ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์  (APM)  ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท กลุ่มสมอทอง  (SMO)  เปิดเผยว่า SMO ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนทั่วประเทศที่ให้ความสนใจจองซื้อหุ้น IPO ของ SMO หมดทั้งจำนวนที่เสนอขาย 231.60 ล้านหุ้น สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อพื้นฐานธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ กลุ่มครอบครัวผู้ถือหุ้นหลัก 3 ครอบครัว ประกอบด้วย ครอบครัวพวงมาลา, กลุ่มครอบครัวพิริเยศยางกูร, กลุ่มครอบครัวลัม ได้ร่วมแสดงความมั่นใจในศักยภาพของบริษัทด้วยการ Lock-Up ทั้งหมด ขณะที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยก็ร่วมถือยาวยกเว้นเพียง 3% เท่านั้น ตอกย้ำความมั่นใจในเสถียรภาพของโครงสร้างผู้ถือหุ้นและทิศทางการเติบโตระยะยาว

นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทซึ่งรวมถึงผู้บริหารและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ยังอยู่ภายใต้เกณฑ์การห้ามขายหุ้น (Silent Period) ตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในกำหนดระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่หุ้นของบริษัทเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ สะท้อนความเชื่อมั่นอย่างสูงของผู้ถือหุ้นต่อศักยภาพและอนาคตของบริษัท

สมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า “กลุ่มสมอทอง”   มีความพร้อมซื้อขายวันแรก ในตลาด SET  วันที่ 10 พ.ย. 68  ในกลุ่มธุรกิจการเกษตร โดย SMO ถือเป็นบริษัทที่มีพื้นฐานธุรกิจมั่นคง แข็งแกร่ง ความเชี่ยวชาญในด้านโรงงานสกลัดน้ำมันปาล์มดิบ และด้วยจุดเด่นการเป็นหุ้นที่มีการเติบโตสูง (Growth Stock) โดยจะเห็นได้จากผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการดำเนินงาน การบริหารจัดการ และโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่แสดงถึงความเชื่อมั่นอย่างสูงของผู้บริหารและนักลงทุน

ผลประกอบการของ SMO ในช่วงปี 2565-2567 บริษัทมีรายได้รวม 6,870.42 ล้านบาท 5,894.14 ล้านบาท และ 6,261.09 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 129.52 ล้านบาท 218.78 ล้านบาท และ 259.62 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 1.89 ร้อยละ 3.71 และร้อยละ 4.14 ตามลำดับ สำหรับงวด 6 เดือนปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 4,965.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.58 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 518.51 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 10.55 โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 305 จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน สะท้อนประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

สมภพ กีระสุนทรพงษ์

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส แกนนำจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย SMO  กล่าวว่า หุ้น SMO ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่จองซื้อหุ้น IPO ครบทั้งจำนวน 231.60 ล้านหุ้น  ราคาเสนอขาย 5.40 บาท พี/อี  7.6 เท่า   ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน พี/อีเฉลี่ย 9.8 เท่า สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตและความน่าสนใจของหุ้น SMO ในเชิงมูลค่า ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานธุรกิจ และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง เป็นหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรม มีศักยภาพสูงในการเติบโตในอนาคต

กิตติพงษ์ พวงมาลา

นายกิตติพงษ์ พวงมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กลุ่มสมอทอง  SMO กล่าวว่า   การระดมทุนครั้งนี้ไม่เพียงช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญยังถือเป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัทในการก้าวสู่การเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนใช้เงินเพื่อขยายการลงทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ โดยมุ่งเน้นการขยายโรงงานผลิตไปยังพื้นที่อื่นเพิ่มเติมจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันภายในอุตสาหกรรม รวมทั้งลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในห่วงโซ่อุปทานเดียวกัน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างธุรกิจโดยรวม เพื่อลงทุนในโครงการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อม การชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างมีเสถียรภาพ

“การตอบรับที่ดีจากนักลงทุนครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในพื้นฐานธุรกิจของ SMO ที่มีความแข็งแกร่งและศักยภาพการเติบโตในระยะยาว ผมขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่าน รวมถึงที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้จัดการการจัดจำหน่าย และผู้ร่วมจัดจำหน่ายทุกฝ่าย ที่ร่วมกันผลักดันให้การเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม บริษัทฯ มีความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเชื่อมั่นว่าจะได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องในอนาคต” นายกิตติพงษ์กล่าว