บลจ.ไทยพาณิชย์ มองโอกาสดีลงทุน LTF ชี้ปีนี้หุ้นร่วง 8% น่าสนใจ ไม่ต้องรอซื้อสิ้นปี เชื่อดัชนีเคลื่อนไหวกรอบแคบ 1,600 – 1,650 จุด แนะ 4 กองเด่น “SCBLTSE-SCBLTT- SCBRM4- SCBRMPOP” “วรรณ” ชู 1SG-LTF, ONE-UGERMF ด้านบลจ.ทหารไทย เชียร์หุ้นใหญ่ตระกูลจัมโบ้ 25 “กสิกรไทย” ยก “KDLTF – KEQRMF” เน้นหุ้นใหญ่กระจายลงทุนหลายอุตสาหกรรม KTAM แนะพร็อพเพอร์ตี้ อินฟราฯ “ธนชาต” คัด 6 กองทุนให้เลือกตามความเสี่ยงนักลงทุน
นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า กลยุทธ์การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ( RMF) ช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ว่า ยังคงแนะนำให้ลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะ LTF ที่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ลงทุน เพราะมีความน่าจะเป็นสูงที่รัฐบาลจะให้สิทธิประโยชน์จากการลงทุนในกองทุน LTF ถึงเพียงปี 2562 และมองว่าช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีกองทุน LTF อยู่ในพอร์ต เมื่อเทียบต้นปีราคาจากตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวลงมา 8% ซึ่งอยู่ในระดับที่น่าสนใจเข้าลงทุนแม้ว่าในปัจจุบันสภาพตลาดยังมีความผันผวนอยู่
“บลจ.ไทยพาณิชย์ คาดว่า ตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ประมาณ 1,600 – 1,650 จุด โดยมองว่าตลาดในปีนี้จนถึงปลายปียังคงไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก ซึ่งปัจจัยหลักๆ ที่มีผลกระทบต่อตลาดเกิดจากปัจจัยภายนอกประเทศ ได้แก่ สงครามการค้า และการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) ซึ่งอาจยืดเยื้อถึงช่วงต้นปีหน้า แต่ปัจจัยภายในประเทศไม่มีสิ่งใดที่น่ากังวล อย่างไรก็ตามมองว่าหลังจากมีการเลือกตั้งในปี 2562 แล้ว จะส่งผลให้นโยบายเศรษฐกิจต่าง ๆ เกิดความคืบหน้าซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดภายในประเทศ”นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
4 กองทุนเด่นไทยพาณิชย์
บลจ.ไทยพาณิชย์แนะนำกองทุน LTF เด่น คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว ซีเล็คท์ (SCBLTSE) มีนโยบายบริหารกองทุนแบบเชิงรุกควบคุมความเสี่ยงที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนเหนือตลาดที่สม่ำเสมอ โดยเลือกลงทุนในหุ้นที่ผู้จัดการกองทุนมีความเชื่อมั่นสูง ทั้งหุ้นขนาดใหญ่ กลางและเล็ก ประมาณ 30 – 50 ตัว เน้นหุ้น Growth เป็นหลัก และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต (SCBLTT) บริหารกองทุนเชิงรุก เน้นโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาวอย่างมีเสถียรภาพ โดยเลือกลงทุนแบบผสมผสาน ระหว่างหุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูงกับหุ้นที่ผู้จัดการกองทุนมีความเชื่อมั่นสูง ประมาณ 60 – 80 ตัว เน้นหุ้น Value เป็นหลัก
ส่วนกองทุน RMF แนะนำกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRM4) มีนโยบายลงทุนแบบเชิงรุก ใช้การวิเคราะห์เชิงปริมาณผ่าน Machine Learning เพื่อคัดเลือกหุ้น 60 – 80 ตัว และปรับเปลี่ยนสไตล์การลงทุน และเลือกพิจารณาปัจจัยการลงทุนที่มีผลต่อการสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดตามสภาวะตลาดในแต่ละขณะ และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Population Trend เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRMPOP) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Fidelity Global Demographics Funds ลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ทั้งการเพิ่มจำนวนประชากร การขยายตัวของชนชั้นกลางและสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นเทรนด์ในระยะยาว ที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นไปอีกไม่ต่ำกว่า 50 ปีข้างหน้า เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนในระยะยาว ในขณะที่มีความผันผวนต่ำกว่ามาตรฐานการลงทุนในหุ้นโดยทั่วไป
วรรณ แนะ 1SG-LTF , ONE-UGERMF
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่ บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า บริษัทแนะนำกองทุนเปิด วรรณเอเอ็มซีเล็คทีฟโกรทหุ้นระยะยาว (1SG-LTF) เน้นการบริหารเชิงรุก เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนชนะ SET Index (Benchmark) ซึ่งกองทุนไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลระหว่างทาง โดยจะนำเงินปันผลที่ได้รับจากการลงทุนในหุ้นไปลงทุนต่อ เพื่อสร้างผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับกองทุน อีกทั้งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา(2013-2017)กองทุน 1SG-LTF สามารถสร้างผลตอบแทนชนะ Benchmark โดยผลการดำเนินงานอยู่ที่ระดับ 1.17% 18.45% -11.74% 21.65% และ 18.09% ขณะที่ Benchmark อยู่ที่ -6.70% 15.32% -14% 19.79% และ 17.30% ตามลำดับ
สำหรับกองทุนเปิด วรรณ อัลติเมท โกลบอล อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (ONE-UGERMF) เน้นกลยุทธ์การลงทุนในกองทุนจดทะเบียนเป็นกองทุนรวมหน่วยลงทุน(Fund of Funds) ลงทุนผ่านกองทุนหุ้นทั่วโลก (Global Equity Fund) ปัจจุบันกระจายการลงทุนผ่าน กองทุน Baillie Gifford Long Term Global Growth Fund(LTGG) ซึ่งบริหารกองทุนแบบ Active Fund ในสัดส่วนการลงทุนประมาณ 50% – 70% และลงทุนกองทุน SPDR MSCI ACWI UCITS ETF และ กองทุน iShares MSCI ACWI ETF ซึ่งบริหารกองทุนแบบ Passive Fund
“หทารไทย ชูตระกูล JUMBO 25”
นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทหารไทย เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯ แนะนำกองทุน LTF ในตระกูล JUMBO25 มี 2 กองทุน คือ JUMBO 25 ปันผล หุ้นระยะยาว (JB25 LTF) และJUMBO PLUS ปันผล หุ้นระยะยาว (JBP LTF) โดย JBP LTF ลงทุนหุ้นน้อยกว่า มีความเสี่ยงต่ำกว่าหน่อย ขณะที่กองทุน RMF ในตะกูล JUMBO25 มีกองทุนเดียว คือ JUMBO 25 เพื่อการเลี้ยงชีพ (JB25RMF)
สาเหตุที่เลือกกองทุนดังกล่าว เพราะกองทุนในตระกูล JUMBO25 มีนโยบายลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ 25 บริษัทแรกในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งแน่นอนว่า หุ้นขนาดใหญ่จะแข็งแกร่งทนทานกว่าหุ้นขนาดเล็ก และหากเชื่อว่า ในปี 2562 เงินทุนต่างชาติจะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย เงินลงทุนเหล่านี้จะเข้ามาลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่เป็นอันดับแรก
“ขนาดปีนี้ที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่อง หุ้นขนาดใหญ่ยังโดนผลกระทบน้อยกว่าหุ้นขนาดเล็ก และถ้าถึงวันที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาก็ต้องเข้ามาที่หุ้นใหญ่ก่อน นอกจากนี้ ในปัจจุบันหุ้นขนาดใหญ่อยู่มีระดับราคาต่อกำไร (P/E) ต่ำกว่า 10 เท่า” นายไพศาล กล่าว
“กสิกรไทย” ยก KDLTF-KEQRMF
น.ส.ธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า แม้ในระยะสั้นจะมีความผันผวนอยู่สูง เพราะขาดปัจจัยบวกและมีความไม่แน่นอนอยู่สูง แต่ตลาดหุ้นไทยยังคงน่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว เช่น LTF และ RMF” เพียงแต่ “ต้องเลือก” มากขึ้น และให้ความสำคัญกับ “คุณภาพ” มากขึ้น
“ปีนี้บลจ. กสิกรไทยแนะนำลงทุนใน กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล (KDLTF) และกองทุนเปิดเค หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (KEQRMF) ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ ปัจจัยพื้นฐานดี และกระจายหลากหลายอุตสาหกรรม”น.ส.ธิดาศิริ กล่าว
KTAM แนะกรุงไทยหุ้นระยะยาว, KT-PIF RMF
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทนำเสนอกองทุนเปิดกรุงไทยพร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-PIF RMF ) สามารถตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอ และเป็นการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนได้ในระยะยาว โดยกองทุนลงทุนในหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนจะเน้นการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์, กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REITs รวมถึงกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และเปิดโอกาสลงทุนหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ โดยจำกัดการลงทุนในต่างประเทศ ไม่เกิน 79% และป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
ส่วนกองทุน LTF แนะนำกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว ( KTLF) มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น บริหารกองทุนเพื่อให้ผลตอบแทนระยะยาวเหนือตลาด และเลือกลงทุนในหุ้นที่มีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอในทุกๆปี
ธนชาต คัด 6 กองทุนเด่น
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้คัดสรรกองทุน LTF/RMF ที่มีจุดเด่น 6 กองทุน จากทั้งหมด 16 กองทุน แต่ละกองทุนมีความโดดเด่น และมีความเฉพาะตัวแตกต่างกันออกไป และส่วนมากจะเน้นลงทุนในหุ้น เพราะบริษัทเชื่อว่าการลงทุนระยะยาวในสินทรัพย์ประเภทนี้ ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าและยังช่วยให้การวางแผนเกษียณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับกองทุนที่แนะนำ ได้แก่ 1.กองทุน T-NFRMF กองทุน RMF ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี สามารถไว้ใจลงทุนได้ในระยะยาว ที่ผ่านมาได้รับรางวัลถึง 10 รางวัล* ถือว่าเป็นกองทุนที่ได้รับรางวัลมากที่สุดในบรรดากองทุนตราสารหนี้ของ บลจ.ธนชาต 2.กองทุน T-NMIXRMF กองทุน RMFมีนโยบายการลงทุนเป็นแบบผสมจึงมีความยืดหยุ่น ทำให้ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะตลาดในแต่ละขณะได้
3.กองทุน T-GlobalEQRMF กองทุน RMF ที่กระจายการลงทุนในกองทุนหุ้นทั่วโลก โดยผู้จัดการกองทุนจะคัดเลือกกองทุนหุ้นที่โดดเด่นในแต่ละภูมิภาค และปรับน้ำหนักการลงทุนให้ใกล้เคียงกับ Global Market Share ทำให้กองทุนสะท้อนการเติบโตของโลกได้เป็นอย่างดี 4.กองทุน T-BigCapLTF เป็นกองทุน LTF ที่นโยบายเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่คุณภาพดี ทำให้กองทุนนี้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่เติบโตอย่างมั่นคง
5.กองทุน T-LTFD กองทุน LTF ที่มีนโยบายจ่ายปันผล โดยตั้งแต่รอบปีบัญชี 2547-2560 มีการจ่ายปันผลไปแล้ว 12 ครั้ง รวมเป็นเงิน 7.61 บาท ข้อมูล ณ 28 ก.ย. 61 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับ LTF กองอื่นๆ ถือเป็นกองทุนที่มีการจ่ายเงินปันผลมากที่สุดและ 6.กองทุน T-LowBetaLTFD เป็นกองทุน LTF ที่มีนโยบายโดดเด่น เน้นลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนค่อนข้างต่ำ (Beta < 1) ซึ่งมักเป็นหุ้นที่ต้องกินต้องใช้ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ทำให้เหมาะกับผู้ที่อยากลงทุนในหุ้น แต่ยังไม่กล้าหรือกลัวขาดทุนเยอะๆ โดยตลอดปี 2560 จนถึงวันที่ 28 ก.ย. 2561 กองทุนนี้มียอดขายสูงสุดในกลุ่ม LTF/RMF ของบลจ.ธนชาต