HoonSmart.com>>บล.ทิสโก้ คาด SET Index ทยอยฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า หลังหุ้นไทยยัง Laggard มากเมื่อเทียบกับหุ้นต่างประเทศ และผลตอบแทนจากเงินปันผลค่อนข้างสูงถึง 4.3% อีกทั้งช่วงท้ายปี (พ.ย.-ธ.ค.)กองทุนลดหย่อนภาษีไหลเข้ามากสุด สถาบันในประเทศมักเป็นผู้ซื้อ หุ้นเด่นพ.ย.คือ ADVANC, BBL, CPAXT, KCE, OR, SYNEX, SAWAD
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯคงมุมมองแนวโน้มนโยบายการเงินสหรัฐฯ และไทยที่อยู่ในโหมดผ่อนคลาย น่าจะหนุนให้ SET Index ในฐานะตลาดหุ้นที่ยัง Laggard มาก ทยอยฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า ประกอบกับระดับการประเมินมูลค่าหุ้นไทยอยู่ในโซนต่ำเมื่อเทียบกับหุ้นต่างประเทศ นอกจากนี้ ผลตอบแทนจากเงินปันผลตลาดหุ้นไทยที่ 4.3% ถือว่าค่อนข้างสูง ทำให้หุ้นไทยน่าจะดึงดูดเม็ดเงินไหลเข้ามากขึ้น
สำหรับการลงทุนในเดือนพ.ย. แนะนำหุ้นที่มี ESG Rating ระดับ A ขึ้นไปและโมเมนตัมกำไรดีในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะเป็นเป้าหมายการลงทุนของกองทุนลดหย่อนภาษีในช่วงปลายปี คือ ADVANC, BBL, CPAXT, KCE, OR, SYNEX รวมทั้งหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 Index คือ SAWAD
ด้านทางเลือกการลงทุนหุ้นต่างประเทศโดยผ่าน DR เดือน พ.ย. นี้ แนะนำ GOLD19 และ TRIPCOM80
ทั้งนี้ แนวรับ-แนวต้านสำคัญของ SET Index เดือนพ.ย.มองกรอบไว้ที่ 1300, 1280, 1250-1260 และ 1345, 1360-1370 จุด ตามลำดับ
ในเดือนพ.ย.-ธ.ค.ของทุกปีเป็นช่วงฤดูกาลที่กองทุนลดหย่อนภาษีไหลเข้ามากสุดเพื่อรับประโยชน์ทางภาษีก่อนสิ้นปี สะท้อนในการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันในประเทศที่มักเป็นผู้ซื้อสุทธิในช่วงพ.ย.-ธ.ค.ของทุกปี โดยประเมินว่าเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนลดหย่อนภาษีต่าง ๆ ทั้ง RMF และ TESG รวมราว 1-1.5 หมื่นล้านบาทในปีนี้
สำหรับ GDP ประเมินเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/2568 มีแนวโน้มขยายตัวได้ราว 1.6% YoY, ลดลง -0.5% QoQ โดยยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้และปีหน้าไว้ที่ 2.1% และ 1.6% ตามลำดับ
ด้านนโยบายดอกเบี้ย คาดกนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.25% ณ สิ้นปี

