TTCL ยื่นฟื้นฟูกิจการ ขาดสภาพคล่อง-จ่ายหนี้ไม่ได้

HoonSmart.com>>”ทีทีซีแอล” (TTCL) ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ เสนอตัวเป็นผู้ทำแผนเอง ขาดสภาพคล่องอย่างหนัก โทษคู่ค้าเบี้ยวหนี้หลายพันล้านบาท กลางปี 68 เหลือส่วนของผู้ถือหุ้นเพียง 722 ล้านบาท หนี้โผล่มากถึง  14,336 ล้านบาท  มีเงินสด 587 ล้านบาท เสนอ 5 ทางรอด ปรับโครงสร้างหนี้ทุกกลุ่ม ขอยืดชำระเงินต้น หาเงินทุนใหม่ ขายทรัพย์สินที่มีมูลค่า 15,058.54 ล้านบาท ปรับรูปแบบธุรกิจใหม่ ขอรับปันผลบริษัทย่อย ด้านราคาหุ้นดิ่งล่วงหน้า 4 วันก่อนบอร์ดอนุมัติฟื้นฟู อินไซด์ฯชัดเจน 

นายฮิโรโนบุ อิริยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีทีซีแอล (TTCL) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2568 มีมติอนุมัติให้บริษัทในฐานะลูกหนี้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ และเสนอผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง ภายใต้พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 (รวมที่แก้ไขเพิ่มเติม) และในวันเดียวกัน บริษัทฯได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทต่อศาลล้มละลายกลางเรียบร้อยแล้ว โดยคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลล้มละลายกลาง

บริษัทฯสรุปสาระสำคัญของคำร้องฟื้นฟูกิจการ

เหตุผลและความจำเป็นที่บริษัทในฐานะลูกหนี้เป็นผู้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศอยู่ในช่วงชะลอตัว เกิดปัญหาสงครามทางการค้าและการตั้งกำแพงภาษีของประเทศสหรัฐอเมริกา ประกอบกับความไม่มั่นคงทางารเมืองทั้งในและต่างประเทศ ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบ ดังนี้

1.บริษัทฯประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่มีกระแสเงินสดเพียงพอที่ใช้ดำเนินธุรกิจ เนื่องจากคู่ค้าผิดนัดชำระเงินค่าก่อสร้าง รวมเป็นจำนวนกว่าหลายพันล้านบาท (ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการเจรจาและฟ้องคดีกับเจ้าของโครงการดังกล่าว)

2.บริษัทได้รับงานก่อสร้างใหม่ลดลง เนื่องจากเจ้าของโครงการมีการยกเลิกการลงทุน และชะลอการลงทุน เนื่องจากต้นทุนในการดำเนินธุรกิจก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมาก

3.บริษัทมีหนี้สินที่ถึงกำหนดชำระและไม่สามารถชำระให้แก่เจ้าหนี้ได้อีกจำนวนหลายราย ซึ่งได้แก่สถาบันการเงิน บริษัทคู่ค้าและเจ้าหนี้หุ้นกู้

4.กิจการของบริษัทมีความสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างหนัก เช่นปิโตรเคมี และโรงไฟฟ้า ในประเทศไทย เนื่องจากบริษัทเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในวงการธุรกิจการออกแบบวิศวกรรม การจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ และการก่อสร้างโรงงานแบบครบวงจร มาเป็นเวลายาวนานกว่า 40 ปี

5.บริษัทมีความสำคัญต่อบุคคลอื่นหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องและมีผู้มีส่วนได้เสียจำนวนมาก เช่น บริษัทผู้รับเหมารายย่อย บริษัทค้าวัสดุก่อสร้าง ห้างร้านที่จัดจำหน่ายสินค้าให้แก่บริษัท รวมถึงผู้ถือหุ้นสามัญและผู้ถือหุ้นกู้

ดังนั้นการฟื้นฟูกิจการจะช่วยการปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้กลุ่มต่างๆ ได้แก่ เจ้าหนี้สถาบันการเงิน เจ้าหนี้หุ้นกู้และเจ้าหนี้การค้า ให้มีความเป็นธรรมแก่เจ้าหน้ทุกกลุ่ม และสามารถดำเนินการได้ภายในกรอบที่กฎหมายกำหนด

ส่วนแนวทางของการฟื้นฟูกิจการของบริษัทในเบื้องต้นมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

1.เจรจากับเจ้าหนี้กลุ่มต่างๆ เช่น เจ้าหนี้สถาบันการเงิน เจ้าหนี้หุ้นกู้ และเจ้าหนี้การค้า เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ค้างในการชำระ เช่น การขอขยายระยะเวลาชำระหนี้การผ่อนผันชำระคืนเงินต้น เพื่อให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดและแหล่งเงินทุนที่จะสามารถนำมาชำระหนี้ได้

2.การหาเงินทุนเพิ่มเติม ทั้งในรูปแบบของการหาเงินกู้หรือการหาผู้ร่วมทุนรายใหม่ เพื่อให้สามารถชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ได้เร็วขึ้น จะทำให้เจ้าหนี้ได้รับเป็นประโยชน์สูงสุด

3.การขายสินทรัพย์เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้

4.การปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจ โดยขยายขอบเขตการให้บริการธุรกิจที่เน้นงานด้านบริการวิศวกรรม (Engineering Services) เช่น งานออกแบบส่วนหน้า (Front-End Engineering Design:FEED) งานบริหารโครงการ (Project management: PM) และงานเดินเครื่องและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance: O&M) ซึ่งงานให้บริการดังกล่าวไม่มีต้นทุนทางการเงินที่สูง และมีอัตราการทำผลกำไรสูงกว่าธุรกิจ EPC

5. รับเงินปันผลของบริษัทย่อยของบริษัทได้แก่ บริษัท ทีทีซีแอล (ประเทศเวียดนาม) บริษัท เอ็นที ไบโอแมส โปรดักส์ และบริษัท อริยะ ไปโอฟูแอลเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้

ทั้งนี้ตามข้อมูลแสดงฐานะการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2568 บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้น 722.19 ล้านบาท หนี้สินรวม 14,336.35 ล้านบาท และสินทรัพย์รวม 15,058.54 ล้านบาทถึงแม้ว่าบริษัทจะมีสินทรัพย์มากกว่าหนี้ แต่เนื่องด้วยบริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดรวม 587.60 ล้านบาท แต่สินทรัพย์ส่วนใหญ่ของบริษัทไม่สามารถแปลงเป็นเงินสดได้ภายในระยะสั้น

ดังนั้นการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการของบริษัทจะช่วยให้บริษัทแก้ไขปัญหาสภาพคล่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกฎหมายรองรับ และให้ความคุ้มครองแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างเป็นธรรม อีกทั้งบริษัทยังสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้ในระหว่างที่อยู่ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ เพื่อการแก้ไขปัญหาของบริษัท และสร้างผลกำไรจากการดำเนินกิจการต่อไปในอนาคตได้อย่างมั่นคง

ก่อนหน้านี้ บริษัท ทริสเรทติ้ง ได้ปรับลดอันดับเครดิตองค์กรของ TTCL ถึง 5 ครั้ง ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จากระดับ BB+ ดิ่งลงมาสู่ระดับ D และ C ล่าสุด พร้อมทั้งยกเลิกเครดิตพินิจแนวโน้ม “ลบ” เนื่องจากบริษัทไม่สามารถชำระคืนหุ้นกู้มูลค่า 389.9 ล้านบาท (TTCL25OA) ที่ครบกำหนดในวันที่ 27 ต.ค. 2568 ที่ผ่านมาได้

ทางด้านราคาหุ้น TTCL ไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันที่ 28-31 ต.ค. 2568  โดยราคาหุ้นดิ่งลงแรง 30.16% 31.82% 20% และ 20.83% ตามลำดับ ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายเพิ่มก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง จากจำนวน 1.66 ล้านบาท 10.69 ล้านบาท 11.52 ล้านบาท และ 31.05 ล้านบาท ตามลำดับ สะท้อนถึงการซื้อขายโดยมีการใช้ข้อมูลภายใน (อินไซด์เดอร์เทรดดิ้ง) จากบอร์ดเพิ่งมีมติอนุมัติให้บริษัทยื่นคำร้องขอเข้าฟื้นฟูกิจการวันที่  31 ต.ค.2568

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–