ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 337 จุด คาดจีน-สหรัฐบรรลุข้อตกลงการค้า

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯทั้ง 3 ดัชนีทำสถิติใหม่ ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 337 จุด หลังการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ-จีนในช่วงสุดสัปดาห์ ผ่อนคลายความตึงเครียด ปูทางให้ประธานาธิบดีทรัมป์และสีจิ้นผิงบรรลุข้อตกลงการค้าในการพบปะสัปดาห์นี้ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดสูงสุด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 27 ตุลาคม 2568 รวมทั้งดัชนี S&P500 และ Nasdaq ยังคงทำสถิติใหม่เป็นวันที่สองติดต่อกัน หลังจากการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และจีนในช่วงสุดสัปดาห์ได้ผ่อนคลายความตึงเครียดและปูทางให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และประธานาธิบดีจีนสีจิ้นผิงบรรลุข้อตกลงการค้าในการพบปะสัปดาห์นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 47,544.59 จุด เพิ่มขึ้น 337.47 จุด, +0.71%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,875.16 จุด เพิ่มขึ้น 83.47 จุด, +1.23% เป็นการปิดเหนือระดับ 6,800 จุดครั้งแรก
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,637.46 จุด เพิ่มขึ้น 432.59 จุด, +1.86%

สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯกล่าวจากการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียว่า การเจรจาประสบความสำเร็จในการวางกรอบสำหรับให้ผู้นำหารือกันในวันพฤหัสบดีนี้

ในขณะเดียวกัน ปักกิ่งยังชมข้อตกลงเบื้องต้นในการแก้ไขปัญหาสำคัญ ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่เกิดจากความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้

กรอบการหารือนี้อาจรวมถึงการเลื่อนการจำกัดการส่งออกแร่ธาตุหายากของจีน ซึ่งเป็นสาเหตุของความขัดแย้งทางการค้าครั้งล่าสุด การยกเลิกแผนเก็บภาษีนำเข้าจากจีน 100% ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 พฤศจิกายน และการกลับมาซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ของจีนอีกครั้ง ข้อตกลงนี้อาจรวมถึงการแก้ไขข้อพิพาท TikTok โดยสหรัฐฯ จะได้รับข้อตกลงสำหรับแอปวิดีโอโซเชียลเวอร์ชันในประเทศ

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวจากเครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ วัน เมื่อวันจันทร์ว่า “ผมเคารพประธานาธิบดีสีมาก และเราจะบรรลุข้อตกลงนี้”

ผู้ผลิตชิป ซึ่งเป็นภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากความตึงเครียดกับฟื้นตัวในวันจันทร์ หุ้น Nvidia และบริษัทอื่นๆ เช่น Broadcom ต่างเพิ่มขึ้นกว่า 2% ขณะที่ Tesla
พุ่งขึ้น 4.3% ส่วน Qualcomm เพิ่มขึ้น 11% และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ในช่วงต้นวัน หลังจากที่บริษัทประกาศเปิดตัวชิปปัญญาประดิษฐ์รุ่นใหม่ ซึ่งทำให้บริษัทสามารถแข่งขันกับ Nvidia และ AMD ได้

แต่หุ้นบริษัทเหมืองแร่หายากปรับลง จากการคาดการณ์ที่ว่าจีนจะเลื่อนการบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก โดยหุ้น Critical Metals ลดลง 13.7% หุ้น NioCorp Developments ร่วง 11.5% และหุ้น Ramaco Resources ลดลง 2.6%

นักลงทุนยังรอรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ โดยหุ้นกลุ่มMagnificent Seven หลายตัว ได้แก่ Alphabet, Amazon, Apple, Meta Platforms และ Microsoft เตรียมประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ในสัปดาห์นี้

นอกจากนี้นักลงทุนยังคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมที่จะเสร็จสิ้นวันที่ 29 ตุลาคมนี้ หลังจากที่สำนักงานสถิติแรงงาน เผยแพร่ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ตลาดหุ้นยุโรปปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่สามติดต่อกัน ท่ามกลางสัญญาณการคลี่คลายของความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ช่วยหนุนให้เข้าลงทุนทั่วโลก ขณะที่หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ที่ปรับตัวลดลงถ่วงการฟื้นตัว

ความต้องการลงทุนมีมากขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวว่าสหรัฐฯ และจีนพร้อมที่จะ “บรรลุ” ข้อตกลงทางการค้า โดยคาดว่าจะพบกับประธานาธิบดีจีนในปลายสัปดาห์นี้ เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับกรอบข้อตกลงการค้าที่ได้มีการหารือกันในช่วงสุดสัปดาห์

ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยระงับการเก็บภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นจากจีนของสหรัฐฯ และจีนผ่อนปรนการควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายาก

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 577.03 จุด เพิ่มขึ้น 1.27 จุด, +0.22%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,653.82 จุด เพิ่มขึ้น 8.20 จุด, +0.09%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,239.18 จุด เพิ่มขึ้น 13.55 จุด, +0.16%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,308.78 จุด เพิ่มขึ้น 68.89 จุด, +0.28%

ไมเคิล ฟิลด์ หัวหน้านักวิเคราะห์หุ้นของ Morning Star กล่าวว่า พัฒนาการเชิงบวกบางอย่างระหว่างสหรัฐฯ และจีนดูเหมือนจะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นต่อตลาด นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

หุ้นธนาคารและกลุ่มเทคโนโลยีในยุโรปปรับตัวสูงขึ้น 1.2%

หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ลดลง 0.5% หุ้น Novartis ลดลง 0.9% หลังจากที่บริษัทประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่าตกลงเข้าซื้อกิจการบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ Avidity Biosciences ของสหรัฐฯ ด้วยเงินสดประมาณ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่หุ้น Roche ลดลง 1.4% หลังจาก Jefferies ปรับลดคำแนะนำการลงทุน

นักลงทุนให้ความสนใจกับการประชุมนโยบายของธนาคารกลางในสัปดาห์นี้ เพื่อติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ย โดยคาดการณ์ในวงกว้างว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันพุธ และคาดว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในช่วงปลายสัปดาห์นี้

หุ้น Porsche AG เพิ่มขึ้น 3% หลังจากที่ผู้ผลิตรถยนต์หรูรายนี้รายงานผลขาดทุนจากการดำเนินงานที่ปรับใหม่เมื่อวันศุกร์น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

หุ้น HSBC Holdings ซึ่งจดทะเบียนในลอนดอนปิดตลาดทรงตัวจากที่ลดลง จากการประกาศว่าจะตั้งสำรอง 1.1 พันล้านดอลลาร์สำหรับผลประกอบการไตรมาสที่สาม หลังจากแพ้คดีอุทธรณ์บางส่วนในคดีที่เกี่ยวข้องกับแชร์ลูกโซ่ของ Bernard Madoff

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 19 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 61.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 32 เซนต์ หรือ 0.49% ปิดที่ 65.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–